InfoQuest - ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ 1,561.87 จุด เพิ่มขึ้น 37.98 จุด (+2.49%) มูลค่าซื้อขายราว 39,498 ล้านบาท
การซื้อขายในช่วงเช้านี้ ดัชนีรีบาวด์หลังวานนี้ร่วงแรง โดยทำระดับต่ำสุด 1,543.61 จุด และขึ้นไปสูงสุดที่ 1,565.71 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้ารีบาวด์ โดยได้ปัจจัยหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ของสหรัฐออกมาที่ 6% ตามที่ตลาดคาดการณ์ และภาวะความเสี่ยงระบบธนาคารของไทยที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤติ SVB ล่มอยู่ในระดับต่ำ
ขณะที่ปัจจัยในเชิงพื้นฐาน SET Index ดิ่งลงต่อเนื่องมาที่บริเวณแนวรับ 1,520 จุด ส่งผลให้ P/E ของตลาดอยู่ที่ 14.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาวเป็น Discount รวมถึง Relative Strength Index (RSI) ลงมาอยู่ในระดับต่ำที่ 16 จุด ซึ่งถือเป็นช่วงเดียวกับสถานการณ์โควิด-19 รอบแรกที่ SET Index ลงไปต่ำกว่า 1,000 จุด เป็นจุดที่น่าสนใจเข้าลงทุน
วันนี้หุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาได้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ (Big Cap) หนุนดัชนีพลิกกลับขึ้นไปสู่ระดับ 1,560 จุดได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้าคาดหวังเฟดลดโทนลง ส่วนใหญ่ให้น้ำหนักเฟดขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.25% จนถึงคงอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจะส่งผลดีต่อตลาดอย่างมาก
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย คาดว่าดัชนีน่าจะยังเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกได้หลังขึ้นทะลุแนวต้าน 1,550 จุดมาได้แล้ว ทำให้ 1,550 จุดจะกลายมาเป็นแนวรับ และมีแนวต้านระยะสั้นที่ 1,570 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
AOT (BK:AOT) มูลค่าการซื้อขาย 2,017.44 ล้านบาท ปิดที่ 70.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท
KBANK (BK:KBANK) มูลค่าการซื้อขาย 1,787.44 ล้านบาท ปิดที่ 131.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
PRTR มูลค่าการซื้อขาย 1,448.80 ล้านบาท ปิดที่ 9.15 บาท เพิ่มขึ้น 1.95 บาท
CPALL (BK:CPALL) มูลค่าการซื้อขาย 1,235.23 ล้านบาท ปิดที่ 61.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,209.40 ล้านบาท ปิดที่ 28.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท