BeInCrypto - BeInCrypto มีโอกาสได้พูดคุยกับ Lex Sokolin หัวหน้าทีมนักเศรษฐศาสตร์ด้านคริปโตของ ConsenSys เกี่ยวกับการที่เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญซึ่งกลายกลายเป็นที่สนใจในวงกว้าง เนื่องจากความเชี่ยวชาญในประเด็นต่าง ๆ อย่าง Ethereum อนาคตของ AI ในวงการ Web3 และอื่นๆ
Lex มีความสนใจในด้านการเงินและเศรษฐศาสตร์มาโดยตลอด ซึ่งเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาถึงบทบาทของเขาที่ ConsenSys ในฐานะ Chief Cryptoeconomist แต่หลังจากนั้นไม่นานที่ Wall Street และบริหารบริษัทของเขาเอง เขากระโจนเข้าสู่วงการคริปโตเป็นครั้งแรก “ในปี 2017 ผมเริ่มติดตาม ICOs และทำการวิเคราะห์และค้นหาความหมายของรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมคริปโต และผมสนใจเรื่องการวิเคราะห์ Ethereum อย่างมาก”
เมื่อถึงจุดนั้น เขารู้จัก ConsenSys และหลังจากขายบริษัทของเขาเป็นที่แล้วเสร็จ เขามีโอกาสร่วมงานกับ ConsenSysในปี 2019 โดยหน้าที่หลักคือการช่วยบริษัทในการค้นหาแนวทางเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในโลกของ FinTech อีกนัยหนึ่ง คือการวิเคราะห์ “บล็อกเชนสำหรับบริการทางการเงิน”
Lex อธิบายถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทาง ConsenSys ของเขาว่าค่อนข้างไร้เดียงสา กระบวนการคิดของบริษัทในขณะนั้นคือ “ใส่บล็อกเชนเข้าไปด้วย แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เราได้สร้างบริการทางการเงินและผลิตภัณฑ์สินทรัพย์ดิจิทัลมากมาย”
ConsenSys และการสร้างกิจการด้วย Ethereum
ConsenSys ซึ่งเป็นบริษัทของเขาได้พัฒนาแอพพลิเคชันและยูทิลิตี้สำหรับ Ethereum โดย Joe Lubin ผู้ก่อตั้งบริษัทนั้นยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่าย Ethereum เช่น จึงไม่น่าแปลกใจที่ Lex คิดว่า Ethereum เป็นโครงสร้างพื้นฐานของ Web3 แต่สิ่งแรกที่ดึงดูดความสนใจของเขาเกี่ยวกับโครงการนี้คือ “ความละเอียดลออในการสร้างสรรค์โครงการเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจผมมาก”
“ส่วนเรื่องราวของ Bitcoin คือการที่โลกจะลุกเป็นไฟ แต่เราเป็นเงินของหุ่นยนต์ที่ยังจะอยู่รอด เป็นระบบการเงินเพื่อท้าทายอำนาจอธิปไตย และนั่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับบางคน แต่สำหรับผม แค่นั้นยังไม่พอ สำหรับ Ethereum เรื่องราวทั้งหมดคือการที่ในโลกใหม่นี้ เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อปรับปรุงมัน และผมชอบมันมาก ผมรู้สึกว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้”
With blockchain, “everything is scarce instead of infinite,” – Lex Sokolin, Chief Cryptoeconomist, ConsenSys | Source: ConsenSys
แล้วการเติบโตอย่างรวดเร็วของโทเค็น AI ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นในช่วงต้นปีเป็นอย่างไร มีอะไรอยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์นั้นอีกมากมายหรือไม่ หรือตลาดนักลงทุนเพียงแค่ตื่นเต้นกับสมาชิกใหมในโลกบล็อก (เชน) แต่เพียงเท่านั้น
Sokolin บอกผมว่า AI และ Blockchain ส่วนใหญ่เป็นอิสระต่อกันและไม่เกี่ยวข้องกัน “ผมคิดว่าพวกมันเป็นเวกเตอร์มุมฉาก พวกเขามีศักยภาพที่แตกต่างกันมาก”
สำหรับผู้ใช้งานนั้น บล็อกเชนและ Web3 มักถูกมองว่าเป็นการตอบสนองต่อทั้งเทคโนโลยีขนาดใหญ่และระบบการเงินขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันของ AI อาจเปิดพรมแดนที่ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับบล็อกเชน และการรับมือกับข้อมูลขนาดใหญ่
หรือที่จริงแล้ว AI คือจุดประสงค์ดั้งเดิมของอินเทอร์เน็ต
Sokolin ถือเป็นผู้จุดประกายความคิดในลักษณะดังกล่าว “สำหรับผม AI คือผลลัพธ์สูงสุดของ Web2” เขากล่าว “เนื่องจากมันสร้างขึ้นจากข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตจำนวนมหาศาลโดยไม่มีค่าใช้จ่าย คุณจึงไม่สามารถมี AI ได้หากไม่มีสารตั้งต้นซึ่งก็คือข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต จะบอกว่ามันคือการขโมยเนื้อหาก็ว่าได้”
ใครก็ตามที่เคยใช้ ChatGPT หรือเครื่องมือสร้างรูปภาพโดยใช้ AI ซึ่งเป็นที่นิยมในช่วงที่ผ่านมาจะต้องพบกับปัญหา “ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในเชิงจริยธรรมนี้” โดยพื้นฐานแล้ว AI ช่วยให้เราสามารถสร้างเนื้อหาฟรีได้ไม่จำกัดจำนวน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับผลงานของคนอื่นในแนวเดียวกันว่ามีพร้อมอยู่ในอินเทอร์เน็ตมากเพียงใด
เรากำลังเริ่มพูดถึงปัญหาที่ AI สร้างขึ้นมา และมีแนวโน้มว่าจะจบลงที่ศาล ในเดือนมกราคม 2023 ศิลปิน 3 คนยื่นฟ้อง AI สำหรับสร้างรูปภาพ จำนวน 3 โปรแกรม ได้แก่ Midjourney, Stable Diffusion และ DreamUp เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าใช้งานศิลปะที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต ค่าตอบแทน หรือการอ้างถึง
เครื่องมือทั้งหมดนี้ใช้งาน laion-5B ซึ่งเป็นฐานข้อมูลรูปภาพกว่าห้าพันล้านภาพจากอินเทอร์เน็ต รวมถึงงานศิลปะจากศิลปินหลายคน ข้อเรียกร้องของพวกเขาคือทุกครั้งที่สร้างภาพโดยใช้ชื่อของพวกเขา ภาพนั้นถือเป็นผลงานลอกเลียนแบบโดยพื้นฐานแล้ว
Blockchain นั้นแตกต่างออกไป โดยเขากล่าวถึงงการปรับโครงสร้างขั้นพื้นฐานของบล็อคเชนที่ใช้สร้างอินเทอร์เน็ตในอีกลำดับหนึ่ง
“เราพูดถึงความเป็นเจ้าของและประเด็นเชิงเศรษฐกิจใช่ไหม” เขากล่าวต่อ “คุณประสบปัญหาขาดแคลนสินค้าดิจิทัล รวมถึงเพลง รูปภาพ หรือสิ่งของต่าง ๆ ทุกสิ่งหายาก แต่ไม่ใช่ไม่มี เหล่านี้กลายเป็นรูปแบบเศรษฐกิจที่แตกต่างออกไป และไม่ได้บอกว่าทำแบบนี้แล้วจะดีกว่า มันเป็นเพียงช่องว่างที่ยังรอการเติมเต็ม ซึ่งทำให้เศรษฐกิจของมนุษย์กลับเข้าสู่อินเทอร์เน็ตอีกครั้ง”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทดลอง”
ผมถามเกี่ยวกับมุมมองของเขาเกี่ยวกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของโทเค็น AI เขาตอบว่า “ผมจะพยายามหาทางที่ดีในการตอบคำถามเหล่านั้น”
จากบทสัมภาษณ์ของเขา ความได้เปรียบในการแข่งขันของ Web3 คือความสามารถในการทำการทดลองที่สังเกตผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าการทดลองอาจไม่เคร่งครัดนักในแง่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แต่ข้อมูลต่าง ๆ พร้อมใช้งานและบรรลุผลได้อย่างรวดเร็ว
“เราสามารถสร้างวิกฤตการณ์ทางการเงินเมื่อ 3,000 ปีขึ้นมาใหม่ได้ในเวลาประมาณห้าปี ดังนั้น ทุกสิ่งที่มนุษย์ทำผิดพลาดในเชิงพฤติกรรม เราได้รีบเร่งผ่านสิ่งนั้นอย่างรวดเร็ว และคุณสามารถพูดได้ว่า คุณไม่ควรทำมัน และเรารู้แล้ว บลา บลา บลา แต่ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือพื้นที่ใหม่”
“ดังนั้น ฉันคิดว่าไม่ว่าจะเป็นโทเค็น AI หรือไม่ว่าจะเป็นเกมหรือเรื่องอะไรก็ตาม ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือการทดลองเท่านั้น ผมคิดว่า เบื้องต้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวกับโทเค็น เราต้องทดลองไปเรื่อย ๆ ”
แต่ถ้าผมถูกกดดันมา ผมจะบอกว่ามันไม่น่าเป็นไปได้เลยที่เวอร์ชันแรกของโทเค็นต่าง ๆ จะสมบูรณ์และพร้อมใช้งาน”