มหกรรมลดราคา Black Friday เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตอนนี้! ห้ามพลาดกับส่วนลดสูงสุดถึง 60% InvestingProรับส่วนลด

3 เรื่องที่นักลงทุนไทยควรรู้สำหรับวันนี้ ( 16 ก.ย. )

เผยแพร่ 16/09/2563 13:54
© Reuters.
LCO
-
CNY/THB
-
CNY/USD
-
AP
-
CENTEL
-
CPALL
-
ERW
-
IVL
-
MINT
-
PTT
-
CRC
-

โดย Detchana.K

Investing.com - เมื่อวานนี้ที่ประชุม ครม.มีมติเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบมีเงื่อนไข โดยทางรัฐบาลคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศไทยราว 1.2 พันล้านบาทต่อเดือน แม้มตราการนี้จะมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยวแต่ก็ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวอยุ่บ้างแม้จะไม่มีนัยสำคัญมากนัก ติดตามรายละเอียด พร้อมประเด็นสำคัญที่นักลงทุนไทยควรรู้สำหรับวันนี้

1.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่าน ครม. ออกมา น้ำหนักยังเบา แต่ยังดีต่อกลุ่มท่องเที่ยว

วานนี้ที่ประชุม ครม.อนุมัติมาตรการสําคัญออกมา 2 ส่วน คือการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ โดยให้่ VISA ระยะเวลา 90 วัน แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพํานักระยะยาวภายในประเทศ และยินยอมกักตัวในห้องพักจํานวน 14 วัน และเมื่อครบกําหนด 90 วันแล้ว สามารถต่ออายุ VISA ได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน (รวมทั้งหมดเป็น 270 วัน) โดยมาตรการจะเริ่มต้นตั่งแต่ เดือน ต.ค. 2563 – ก.ย. 2564 และจํากัดจํานวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าได้สัปดาห์ละ 100-300 คน หรือไม่เกินเดือนละ 1,200 คน

บล.เอเชียพลัสประเมินว่ามีน้ำหนักในเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของหุ้นท่องเที่ยวได้ไม่มากนัก เนื่องจากนักท่องเทียวยังจําเป็นต้องกักตัว 14 วัน และจํานวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามีไม่มากนัก แต่คาดช่วยสร้าง Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม ที่มีสัดส่วนรายได้โรงแรมในไทยมากสุด เรียงตามลําดับคือ โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (BK:CENTEL),ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (BK:ERW) และ ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (BK:MINT)

ในวันนี้ให้น้ำหนักการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของ ศบศ. ซึ่งคาดว่าจะมีมาตรการที่เข้าสู่การพิจารณา อาทิ กระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ หากออกมาจริงคาดเป็นบวกหุ้นอสังหา เช่น เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (BK:AP) และมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย เช่น โครงการคนละครึ่งที่กําลังอยู่ระหว่างพิจารณา หากออกมาจริงคาดเป็นบวกหุ้นค้าปลีก เช่น Central Retail Corp (BK:CRC), ซีพี ออลล์ จำกัด (BK:CPALL)

2. WTO ตัดสินสหรัฐเป็นฝ่ายผิด กรณีทำ Trade War กับจีน ดีต่อผู้ส่งออกไทยไปจีน

องค์การการค้าโลก(WTO) ได้ตัดสินและประกาศว่าประเทศสหรัฐได้ทำผิดกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ ในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากับจีนมูลค่ารวมราว 5.5 แสนล้านเหรียญ
ในช่วงเวลาต้นปี 2561 - ปัจจุบัน (ส่วนจีนก็มีการต่อโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสหรัฐวงเงินราว 1.1 แสนล้านเหรียญ เช่นกัน)ขั้นตอนต่อมาคือ WTO จะให้สหรัฐแสดงหลักฐานปฏิเสธข้อกล่าวหาภายใน 60 วัน หรือภายในกลางเดือน พ.ย. 2563

ส่วนประเด็นสงครามการค้าสหรัฐ-จีนยังเป็นสิงที่ต้องติดตาม เพราะเหลือเวลาเพียงราว 48 วันก่อนที่จะมีการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 3 พ.ย. ทาง บล.เอเชียพลัสคาดว่าในช่วงก่อนการเลือกตั้งฝั่งประธานาธิบดี

ทรัมป์ ยังเดินหน้าชูนโยบากยกดดันจีนเป็นหลัก โดย 1 ใน Event สําคัญที่ตลาดให้น้ำหนักคือ ทุกๆปี ของเดือน ต.ค.จะเป็นเดือนที่สหรัฐจะประกาศรายชื่อประเทศที่แทรกแซงค่าเงิน
ซึ่งจีนมักจะโดนกล่าวหาว่า แทรกแซงทําให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าแต่ล่าสุด ทิศทางค่าเงินหยวน/ดอลลาร์  CNY USD กลับมาแข็งค่าแรงชัดเจน (ปี 63 เคยอยู่สูงสุดแถวๆ 7.17 หยวนต่อดอลลาร์ ล่าสุด ปรับแข็งค่าลงมาเรื่อยที่ 6.77 หยวน)

ในทางตรงข้าม คือ ค่าเงินบาท/หยวน CNY/THB มีทิศทางอ่อนค่าชัดเจนราว 7%นับตังแต่ มิ.ย.ปัจจุบันถือว่าดีต่อผู้ส่่งออกไทยไปจีน คาดจะทําให้ดุลการค้าไทยกับจีนเพิ่มขึ้น และคาดจะส่งผลดีต่อบริษัทจดทะเบียนที่ส่งออกไปจีน

3.ราคาน้ำมันขึ้นแรง 3% จากพายุเฮอริเคนลูกใหม่ส่งผลดีต่อหุ้นน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบโลกหลังจากปรับฐานแรงตั้งแต่ต้น เดือน ก.ย.-ปั จจุบัน คือ น้ำมัน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ปรับลงราว 13.2% ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาราคาน้ำมันพลิกกลับขึ้นบวกแรงราว2.3% โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากฝั่ง Supply คือ พายุ Hurricane ลูกใหม่ชื้อ Sally ที่จะพัดเข้าใกล้อ่าวเม็กซิโก ทําให้เริ่มมีการทยอยปิดโรงน้ำมันไปก่อนแล้วราว 27% ของการผลิตน้ำมันทั้งหมด และปิดแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติราว 28% ของการการผลิต หักล้างปัจจัยลบจากฝั่ง Demand ที่ยังชะลอตัวตามการเร่งตัวเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อ Covid รายใหม่

ล่าสุดเมื่อวานนี้สํานักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ปรับลด Demand น้ำมันโลกปี 2563 ลงมาอยู่ที่ 91.7 ล้านบาร์เรล/วัน (-8.4 ล้านบาร์เรล/วัน ลงมากกว่าครั้งก่อนหน้าที่คาด –8.1 ล้านบาร์เรล/วัน)

โดยรวมราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นแรงดังกล่าว ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานเช่นปตท. จำกัด (BK:PTT) และอินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (BK:IVL)

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย