โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายนมีดังต่อไปนี้
1. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐคาดว่าจะต่ำกว่า 2 ล้านราย
ในวันนี้จะมีการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐรายสัปดาห์ในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1230 GMT) ตลาดจะจับตาดูสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมภายหลังจากที่ได้ทรุดตัวลงอย่างหนักในเดือนเมษายน โดยตัวเลขที่ออกมาจะเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์ปัจจุบันของตลาดแรงงานที่สุด เนื่องจากตัวเลขล่าสุดของทั้ง ADP และกระทรวงแรงงานต่างก็ได้เก็บข้อมูลจนถึงช่วงกลางเดือนที่แล้วเท่านั้น
นักวิเคราะห์คาดว่าสัปดาห์ที่แล้วจะมีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน 1.8 ล้านราย ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงต่ำกว่า 2 ล้านรายนับตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่องคาดว่าจะลดลงไป 1 ล้านรายเหลือประมาณ 20 ล้านราย
นอกจากนี้สหรัฐจะรายงานดุลการค้าประจำเดือนเมษายนด้วย ซึ่งคาดว่าตัวเลขการนำเข้าและการส่งออกน่าจะลดลงต่อไปอีก
2. คาดว่า ECB จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม, เยอรมนีอนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.3 แสนล้านยูโร
ธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB เตรียมขยายวงเงินของโครงการซื้อตราสารหนี้อย่างน้อยหนึ่งโครงการในการประชุมสภาปกครองของธนาคารกลางยุโรป เพื่อหนุนเศรษฐกิจฝั่งยูโรโซนที่คาดว่าจะทรุดตัวลงอย่างน้อย 8% ในปีนี้
นักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะเพิ่มวงเงินอีก 5 แสนล้านยูโรจากเดิมที่กำหนดไว้ 7.5 แสนล้านยูโร (8.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) ในโครงการซื้อตราสารหนี้ฉุกเฉิน ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาเพื่อควบคุมสภาพคล่องในตลาดโดยรวมมานับตั้งแต่เดือนมีนาคม และยังมีตลาดบางส่วนที่เชื่อว่า ECB อาจขยายวงเงินการซื้อสินทรัพย์ให้รวมหนี้ขยะภาคองค์กรตามรอยธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดก่อนหน้านี้ด้วย
ผลการประชุมจะประกาศออกมาในเวลา 7:45 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ตามมาด้วยการแถลงข่าวของประธาน ECB คริสทีน ลาการ์ด ในเวลา 8:30 น.
3. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวในแดนลบ ปรับฐานหลังทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ตลาดหุ้นสหรัฐมีแววว่าจะติดลบ อยู่ในระหว่างการปรับฐานหลังจากปรับตัวขึ้นเพราะผู้ลงทุนบางส่วนกังวลว่าจะเข้าถือครองหุ้นไม่ทันแรงส่งขาขึ้น เมื่อหุ้นหลายตัวเริ่มส่งสัญญาณพลิกฟื้นจากการเทขายเมื่อเดือนมีนาคม
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าขยับลง 128 จุดหรือ 0.5% ขณะที่สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าติดลบ 0.5% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าขยับลง 0.2%
ผลประกอบการของบริษัทที่น่าจับตาในวันนี้หลังเวลาตลาดปิดคือ Gap และบริษัทผู้ผลิตชิพ Broadcom
4. การประท้วงในสหรัฐยังดำเนินต่อไป หลังเอสเปอร์และแมททิสออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทรัมป์
แม้คืนนี้จะเป็นคืนที่สองแล้วที่สถานการณ์ในสหรัฐเริ่มสงบลง แต่กลับไม่ได้รับความสนใจเท่ากับข่าวการปะทะกันระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติและอดีตรัฐมนตรี
ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ นายมาร์ค เอสเปอร์ ได้ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับทรัมป์ที่ได้ข่มขู่จะอุทธรณ์พรบ.การปราบจลาจลปี 1807 และส่งกองกำลังทหารเพื่อควบคุมเมืองต่าง ๆ ในสหรัฐ
ส่วนนายเจมส์ แมททิส ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติที่เคยดำรงตำแหน่งในปี 2017 ถึงเดือนมกราคมปี 2019 ก็เข้าข้างกลุ่มผู้ประท้วงและให้สัมภาษณ์กับ The Atlantic ว่า "พวกเราจะต้องต่อต้านและเรียกร้องให้รัฐบาลที่เยาะเย้ยความเป็นรัฐธรรมนูญของเราออกมารับผิดชอบ" รวมทั้งชี้ว่ากลุ่มผู้ประท้วงส่วนใหญ่ต้องการเรียกร้องให้มีความยุติธรรมที่เท่าเทียมภายใต้อำนาจกฎหมายเพียงเท่านั้น และ "พวกเราจะต้องไม่วอกแวกเพียงเพราะคนจำนวนเล็ก ๆ ที่แหกกฎ"
ผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยมอนเมาธ์ที่อำนวยการโดย Wall Street Journal ระบุว่า คะแนนเสียงของทรัมป์ได้ถูกคู่แข่งของเขา นายโจ ไบเดน แซงหน้าทิ้งห่างในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์
5. ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังรัสเซียคัดค้านการโกงโควตาลดกำลังการผลิต
ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังจากซาอุดิอาระเบียและรัสเซียกดดันประเทศที่โกงโควตาการลดกำลังการผลิตเพื่อจัดระเบียบก่อนการประชุมครั้งถัดไป
เมื่อเวลา 6:30 น. สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐติดลบ 1.5% และ $36.72 ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ขยับลง 0.7% เท่ากับ $39.51 ต่อบาร์เรล
ความเป็นไปได้ที่จะมีการเลื่อนการประชุมกลุ่มโอเปก+ ให้เร็วขึ้นนั้นดูเหมือนจะเลือนลางหลังจากอิรักไม่ยอมควบคุมกำลังการผลิตน้ำมันที่สูงเกินกว่าที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียซึ่งเป็นสองผู้นำในกลุ่มโอเปก+ ได้ส่งสัญญาณแล้วว่าต้องการให้มีการยืดเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้น
บทวิเคราะห์ที่ไม่ควรพลาด
ทำไมยูโรยังขึ้นต่อเนื่องทั้งที่มีความเสี่ยงว่า ECB จะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ