Investing.com – หุ้นสหรัฐฯ ดิ่งลงเมื่อคืนนี้หลังจากเฟดลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อหนุนเศรษฐกิจภายในประเทศท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ ก็ได้ชี้ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน
ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq Composite ต่างก็ดิ่งลง 1.2% ดัชนี อุตสาหกรรม Dow Jones ปิดลบ 1.6% โดยมีเพียง Apple (NASDAQ:AAPL), Merck (NYSE:MRK) และ Pfizer (NYSE:PFE) ที่ปิดบวก
ณ จุดต่ำสุด Dow ทรุดลงไปถึง 478 จุด ส่วน Nasdaq ก็ปิดลบ 164 จุด ถือเป็นขาลงที่ย่ำแย่ที่สุดของดัชนีหลักต่าง ๆ นับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม
การเทขายครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของผู้ลงทุนต่อคำอธิบายของเฟดว่า ทำไมเฟดจึงลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบทศวรรษเป็น 2% ถึง 2.25% จากเดิม 2.25% ถึง 2.5%
ในการแถลงข่าวภายหลังจากการแถลงการณ์นโยบาย ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ ประสบความยากลำบากในการอธิบายความจำเป็นที่ต้องลดอัตราดอกเบี้ยแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขณะนี้กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี เขาเผยว่าเขากลับมีความกังวลต่อการลงทุนด้านธุรกิจ การเติบโตของเศรษฐกิจโลก และการรับมือกับความขัดแย้งทางการค้าที่ปะทุยิ่งขึ้นมากกว่า เขาทำให้ผู้ลงทุนเกิดความสับสนด้วยคำพูดที่สื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ "จะเกิดขึ้นเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย" แต่ต่อมาภายหลังก็พูดว่าอาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีก
โดยเพาเวลล์ได้เรียกการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ว่า เป็นการปรับนโยบายขณะที่อยู่กึ่งกลางของวัฏจักร