Investing.com - หุ้นของแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ขยับขึ้นหลังชั่วโมงทำการซื้อขาย ถึงแม้จะมีผลกำไรและรายได้ลดลงตามรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุด อันเป็นผลมาจากยอดขาย iPhone ที่ลดลงในจีนและตลาดอื่น ๆ แต่แอปเปิลสามารถบรรลุเป้าหมายผลประกอบการได้ตามที่เคยบอกกับนักลงทุนไว้เมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค.
หุ้นของแอปเปิลขยับขึ้นไปที่ 160.19 เหรียญสหรัฐ บวก 5.5% ในการซื้อขายหลังชั่วโมงทำการ หลังจากปิดตลาดลบ 1% ที่ 154.68 เหรียญสหรัฐ
แอปเปิลระบุว่าบริษัทมีรายได้ 4.18 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ มากกว่าที่คาดไว้ 1 เพนนี ประกอบกับรายรับ 8.43 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งดีกว่าประมาณการ ถึงแม้รายรับรวมจะลดลง 4.5%
รายรับจากยอดขาย iPhone ลดลงถึง 15% เมื่อเทียบกับหนึ่งปีที่แล้ว อยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งแอปเปิลได้กล่าวว่ายอดขายในจีนลดลงมากถึง 27% เหลือเพียง 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจัยหลักเกิดจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองประเทศ ผนวกกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน นอกจากนี้แอปเปิลยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเจ้าอื่น ๆ ที่วางขายในราคาที่ถูกกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอื่น ๆ ของแอปเปิลมีรายงานผลกำไร
ย้อนไปเมื่อวันที่ 2 ม.ค. ที่ผ่านมา แอปเปิลประกาศหลังตลาดหุ้นปิดทำการว่า ผลประกอบการในไตรมาสแรกของบริษัทจะต่ำกว่าคาดการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดแปลกไปสำหรับแอปเปิลที่มักจะทำผลงานได้ดีกว่าประมาณการของตัวเอง นั่นส่งผลให้ราคาหุ้นหล่นลงเหลือ 142 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันถัดมา ก่อนจะค่อย ๆ ปรับขึ้นมากว่า 13% นับตั้งแต่วันนั้น แต่ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดเมื่อเดือน ก.ย. กว่า 31%
รายได้จากบริการของแอปเปิลเพิ่มขึ้น 19% อยู่ที่ 1.09 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับยอดขายของเครื่องคอมพิวเตอร์แมคอินทอชซึ่งเติบโต 9% อยู่ที่ 7.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ยอดขาย iPad เพิ่มขึ้น 17% อยู่ที่ 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสินค้าประเภทสวมใส่ เช่น แอปเปิลวอทช์ พุ่งสูงขึ้นถึง 33% ทั้งนี้ ทิม คุก ระบุว่าทั้งสินค้าแบบสวมใส่และบริการของแอปเปิลเป็นหน่วยธุรกิจที่ไม่ได้พึ่งพิงการเติบโตในตลาดจีน