โดย Peter Nurse
Investing.com - หุ้นยุโรปไต่ขึ้นในวันนี้ หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นแม้มีสัญญาณว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะชะลอตัวลงอีกครั้งเมื่อใกล้สิ้นสุดไตรมาสที่สามก็ตาม
เมื่อเวลา 4.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (0800 GMT) ดัชนี DAX ของเยอรมนีไต่ขึ้น 1.5% ดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศสดีดขึ้น 1.7% และดัชนี FTSE ของสหราชอาณาจักรขยับขึ้น 1.9%
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อของ IHS Markit ฝั่งยุโรปประจำเดือนกันยายนลดลงเหลือ 50.1 จากก่อนหน้านี้ 51.9 เนื่องจาก "อัตราผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นและมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมทำให้อุปสงค์ลดลง โดยเฉพาะบริการที่ต้องพบปะลูกค้า"
ทางด้านดัชนีภาคธุรกิจของฝรั่งเศสประจำเดือนกันยายนก็ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสี่เดือน ขณะที่ดัชนี PMI ภาคอุตสาหกรรมเยอรมนี ไต่ขึ้นสู่ระดับ 56.6 จากเดือนที่แล้ว 52.2
สัญญาณการชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้สร้างความกังวลต่อธนาคารกลางยุโรปและทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยตลาดได้คาดการณ์อย่างเป็นเอกฉันท์คาดว่าธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB จะเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ เห็นได้จากสมาชิกคณะกรรมการ ECB ฟาบิโอ พาเน็ตตา ที่ชี้ว่าธนาคารกลางยุโรปควรออกแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากเข้าไว้ดีกว่าน้อยเกินไป
ก่อนหน้านี้ Financial Times รายงานว่า ECB อาจขยายความยืดหยุ่นของโครงการซื้อสินทรัพย์ฉุกเฉินออกไปยังโครงการอื่น ๆ ด้วย ซึ่งจะเป็นการลดความเสี่ยงให้แก่ประเทศที่มีภาวะหนี้รัฐบาลที่อ่อนแอ ทว่า Yves Mersch สมาชิกคณะกรรมการกลับออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าวรวมทั้งคำกล่าวของพาเน็ตตาในการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กวันนี้