Cyber Monday Deal: ลดสูงสุด 60% InvestingProรับส่วนลด

5 เหตุการณ์สำคัญ ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (3 - 7 ส.ค.)

เผยแพร่ 02/08/2563 18:19
อัพเดท 02/08/2563 18:23
GM
-
CAT
-
DIS
-
AAPL
-
AMZN
-
CLX
-
TSN
-
CVS
-
BRKa
-
META
-

โดย Noreen Burke

Investing.com -- ห้าประเด็นหลักที่คุณควรทราบก่อนเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้

  1. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐ

ตลาดแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนกรกฎาคมในวันศุกร์นี้ และคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.65 ล้านตำแหน่ง จากเดือนมิถุนายนที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 4.8 ล้านตำแหน่ง โดยตัวเลขครั้งนี้จะรวบรวมข้อมูลจนถึงกลางเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการกลับมาประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งในบางรัฐ

ทว่านักวิเคราะห์จาก ING ได้ออกมาเตือนว่าถึงแม้ตัวเลขการจ้างงานจะมีแนวโน้มสูงขึ้นนับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนและต้นเดือนกรกฎาคม แต่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานน่าจะสูงขึ้นเพียง 750,000 ตำแหน่งเท่านั้น

ตัวเลขการจ้างงานจะรายงานออกมาหนึ่งวันให้หลังจากการรายงาน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกก็สูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน ส่วน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ก็สูงขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมด้วย

  1. ยังไม่มีวี่แววการสรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากสภาสหรัฐ

สภาสหรัฐยังคงไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการออกมาตรการครั้งใหม่ เพื่อเยียวยาเศรษฐกิจจากการระบาดที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันมากกว่า 150,000 รายและส่งผลให้เกิดการทรุดตัวลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สมัยวิกฤตการณ์ทางการเงินครั้งใหญ่

เมื่อวันศุกร์ทางรัฐบาลได้ยุติการเพิ่มเงินชดเชยให้แก่ผู้ว่างงานในสหรัฐเป็นมูลค่า $600 ต่อสัปดาห์ หลังจากทำเนียบขาวและสภาคองเกรสยังไม่มีมติว่าจะขยายเวลาการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าว

ทั้งนี้ส.ส.ฝั่งเดโมแครตมีความต้องการที่จะขยายเวลาการให้เงินชดเชยรายสัปดาห์ไปจนถึงปีหน้า ขณะที่ฝั่งรีพับลิกันชี้ว่าเงิน $600 อาจเป็นแรงจูงใจที่ทำให้ประชาชนไม่ยอมกลับไปทำงานและจึงเสนอให้ลดการจ่ายเงินเหลือ $200 ต่อสัปดาห์ไปจนกว่าที่สหรัฐจะสามารถกำหนดนโยบายเพื่อชดเชยเงินเดือน 70% ให้แก่พนักงานที่ถูกปลดออกจากงานได้

  1. การรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สอง

การรายงานผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ออกมาดีเกินคาดมากกว่าต่ำกว่าคาด โดยข้อมูลจาก Refinitiv IBES ระบุว่า ขณะนี้ได้มีบริษัทประมาณ 250 กว่าบริษัททั้งในสหรัฐและยุโรปที่ออกมารายงานผลประกอบการและบริษัทในดัชนี S&P 500 ราว 80% มีผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่บริษัทยุโรปมีผลประกอบการที่ดีเกินคาดราว 65%

แม้บริษัทภาคอุตสาหกรรมอย่าง General Motors (NYSE:GM) และ Caterpillar (NYSE:CAT) ได้รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดอย่างมาก แต่กลุ่มหุ้นเทคโนโลยีโดยเฉพาะ Amazon (NASDAQ:AMZN) ก็ได้รายงานผลกำไรครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ ส่วน Facebook (NASDAQ:FB) ผลประกอบการออกมาดีเกินคาดและยอดขาย iPhone -อง Apple (NASDAQ:AAPL) ก็ดีเกินคาดเช่นกัน

ผลประกอบการในสัปดาห์นี้อาจไม่ส่งผลต่อทิศทางตลาดมากเท่าไรนัก แต่จะมีหลายบริษัทที่น่าจับตาได้แก่ Disney (NYSE:DIS), Berkshire Hathaway (NYSE:BRKa), Tyson Foods (NYSE:TSN), Clorox (NYSE:CLX) และ CVS (NYSE:CVS) เป็นต้น

  1.  ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ลดลง

เมื่อช่วงครึ่งหลังของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐได้เผยว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจรายปีของสหรัฐทรุดตัวลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 32.9% ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแบบอายุ 3 ปี 5 ปี และ 20 ปีดิ่งลงเป็นประวัติการณ์ และกราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลขณะนี้ก็ใกล้ลดลงต่ำกว่า 1% แล้ว

สัปดาห์ที่แล้วเฟดได้ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐกับทิศทางของวิกฤตโควิด-19 ด้วยคำกล่าวที่ว่า "ทิศทางของเศรษฐกิจจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาด"

ทางด้านคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดก็ได้เน้นย้ำคำมั่นที่จะใช้ "เครื่องมือทั้งหมด" เพื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจและคงอัตราดอกเบี้ยไว้ใกล้ระดับศูนย์ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากการระบาด

  1. คาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ดังเดิม

ธนาคารกลางอังกฤษ จะรายงานผลการประชุมและประเมินอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากความเสียหายทางการเงินที่เกิดขึ้น แต่คาดว่าไม่น่าจะมีการเพิ่มวงเงินสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นมูลค่า 1 แสนล้านปอนด์ (1.31 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) ดังที่เคยได้ประกาศไว้ในเดือนมิถุนายนแต่อย่างใด

ผู้ว่าการธนาคารอังกฤษ นายแอนดรูว์ ไบลีย์ น่าจะออกมาตอบคำถามเกี่ยวกับมุมมองของธนาคารกลางต่อการใช้อัตราดอกเบี้ยที่ติดลบ เนื่องจากธนาคารกลางอังกฤษเป็นหนึ่งในไม่กี่ธนาคารที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อัตราดอกเบี้ยที่ติดลบและนักวิเคราะห์ก็คาดว่าจะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยอีกไปจนถึงสิ้นปี 2021

การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดูเหมือนว่าจะชะลอตัวลง ขณะที่สหราชอาณาจักรเองก็ต้องสรุปข้อตกลงทางการค้าร่วมกับสหภาพยุโรปให้ทันก่อนสิ้นสุดช่วงเปลี่ยนผ่านของ Brexit ในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ด้วย

--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย