โดย Alex Ho
Investing.com - ตลาดหุ้นเอเชียมุ่งหน้าจบสัปดาห์อย่างหายนะ และได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถล่มลงอย่างหนักที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์ 'Black Monday' เมื่อปี 1987
ขณะนี้ยังคงไม่มีการเผยรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้นำเสนอไป แม้เฟดจะออกมาประกาศใช้มาตรการอัดฉีดเงินเป็นมูลค่า 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐแล้วก็ตาม แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงทรุดตัวลงด้วยเปอร์เซ็นต์ที่เกือบแตะเลขสองหลัก โดยดัชนี Dow 30 ถล่ม 9.99% และดัชนี S&P 500 ดิ่ง 9.51% และดัชนี NASDAQ Composite ทรุด 9.43%
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นทรุดตัวลงในระยะเวลาสั้น ๆ ของช่วงเช้าที่ 9.84% ส่วนดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ปรับตัวลง 8.14% เมื่อเวลา 21:44 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1:44 AM GMT) โดยขาลงครั้งนี้ได้ส่งผลให้เกิดเซอร์กิตเบรคเกอร์ในทั้งสองหลังจากตลาดเปิดทำการเพียงไม่นาน และดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียทรุดตัวลง 7.61%
ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงทรุด 7.39% ส่วนดัชนี Shanghai Composite ของจีนปรับตัวลง 3.37% และดัชนี Shenzhen Component ปิดลบ 2.31%
เฟดได้ออกมาตรการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบทางการเงินเป็นมูลค่า 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในวันนี้ ซึ่งประกอบไปด้วยการซื้อพันธบัตร ตั๋วเงิน พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อหรือ TIPS และเครื่องมืออื่น ๆ รวมทั้งจะมีการเริ่มต้นการซื้อตราสารหนี้ที่มีการจ่ายดอกเบี้ยจนถึงวันที่ 13 เมษายนอีกด้วย
ทว่านาย Christopher Whalen ผู้ก่อตั้ง Whalen Global Advisors กลับไม่เห็นด้วยกับมาตรการเหล่านั้น และให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า "การระบาดของเชื้อไวรัสถือเป็นปัจจัยกระตุ้น แต่ไม่ใช่สาเหตุ"