Investing.com - นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs ได้ปรับมุมมองต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยคาดการณ์ว่าอัตราการนำ AI มาใช้จะเร็วขึ้น และส่งผลกระทบต่อ GDP มากกว่าที่เคยคาดไว้
ในบันทึกการวิจัยล่าสุด ธนาคารคาดการณ์ว่า AI จะช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตของ GDP รายปีของจีนประมาณ 0.2-0.3% ภายในปี 2030 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 0.1 จุดเปอร์เซ็นต์
นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้ศักยภาพของ AI ในการทำงานอัตโนมัติจะมีความสำคัญมากกว่าในประเทศเศรษฐกิจขั้นสูง เช่น สหรัฐฯ ที่ภาคบริการมีบทบาทหลัก แต่โครงสร้างแรงงานของจีนซึ่งมีงานกว่า 50% อยู่ในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรมการผลิต และการก่อสร้าง ก็ทำให้ผลประโยชน์จาก AI ต่อผลิตภาพแรงงานในทันทีนั้นมีข้อจำกัด
ด้วยเหตุนี้ Goldman Sachs จึงได้ปรับลดประมาณการการเพิ่มขึ้นของผลิตภาพแรงงานที่เกิดจาก AI ในระยะยาวของจีนลงจาก 9% เป็น 8%
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าการพัฒนาโมเดล AI ของจีนเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเกิดขึ้นของ DeepSeek ในฐานะคู่แข่งระดับโลก ซึ่งบ่งชี้ว่าการนำ AI มาใช้ในจีนอาจเร่งตัวขึ้น
นักวิเคราะห์คาดว่าจีนจะบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการผลิตได้เร็วขึ้น ตามรูปแบบการนำ AI มาใช้ในตลาดที่พัฒนาแล้ว โดยคาดว่าการใช้จ่ายด้าน AI ในจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วระหว่างปี 2025-2027 และมูลค่าการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ AI จะเข้าใกล้ 1% ของ GDP ภายในสิ้นทศวรรษนี้
แม้ว่า AI จะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่ Goldman Sachs ก็ได้เตือนว่าการใช้ AI อาจส่งผลกระทบต่อแรงงานจีน โดยเฉพาะในงานบริการที่ใช้ทักษะต่ำ อย่างไรก็ตาม ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI นั้น อาจช่วยบรรเทาปัญหาการลดลงของประชากรในวัยทำงานของจีนในระยะยาว
"แม้เราจะมองว่า AI สามารถช่วยเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่เราก็เห็นว่ามันเป็นความท้าทายสำหรับตลาดแรงงานจีนที่ซบเซาอยู่แล้ว โดยเฉพาะหากมีแรงงานจำนวนมากในภาคบริการที่ใช้ทักษะต่ำต้องตกงานเนื่องจาก AI" นักวิเคราะห์ระบุ
Goldman Sachs ยังไม่ได้ปรับประมาณการ GDP โดยรวมของจีน เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของ AI ในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ระบุว่าหากการลงทุนใน AI เกิดขึ้นเร็วขึ้น มันก็อาจทำให้การคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่ดีขึ้น