Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐทรงตัวในวันนี้ ก่อนการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สำคัญ โดยอัตราการเติบโตของราคาผู้บริโภครายปีในเดือนมกราคมคาดว่าจะเท่ากับเดือนก่อนหน้า ซึ่งอาจเป็นการสนับสนุนคำกล่าวของประธานธนาคารกลางสหรัฐเจอโรม พาวเวลล์ ต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาในสัปดาห์นี้ที่ว่า เฟดไม่รีบร้อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม นอกจากนี้ ทีมงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็กำลังเตรียมแผนกำหนดภาษีตอบโต้แบบเป็นวงกว้าง ซึ่งอาจเพิ่มความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ
1. หุ้นฟิวเจอร์สทรงตัว
หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐเคลื่อนไหวไม่มากในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญ และติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับแผนภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์
ณ เวลา 15:32 น.(GMT+7) ดัชนี ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ลดลง 30 จุด หรือ 0.1% ขณะที่ S&P 500 ฟิวเจอร์ส ลดลง 4 จุด หรือ 0.1% และ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส แทบไม่เปลี่ยนแปลง
ดัชนีหลักในวอลล์สตรีทปิดตลาดเมื่อวันอังคารในทิศทางที่หลากหลาย ท่ามกลางความคิดเห็นล่าสุดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด ในวันแรกของการให้การต่อสภาคองเกรส พาวเวลล์ระบุว่าเฟดไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะกลับมาลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากปรับลดไปหลายครั้งเมื่อปีที่แล้ว โดยอ้างถึงสัญญาณที่แสดงถึงความแข็งแกร่งในเศรษฐกิจสหรัฐฯ
สำหรับหุ้นรายตัว ราคาหุ้นของ Coca-Cola (NYSE:KO) ปรับตัวขึ้น หลังจากบริษัทเครื่องดื่มรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สี่ที่ดีกว่าการคาดการณ์ อันเนื่องมาจากการปรับขึ้นราคาและยอดขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่หุ้น Apple (NASDAQ:AAPL) พุ่งขึ้นจากรายงานข่าวที่ว่า บริษัทกำลังร่วมมือกับ Alibaba (NYSE:BABA) เพื่อพัฒนาความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับ iPhone ในจีน ส่วนหุ้น Tesla (NASDAQ:TSLA) ร่วงลงหลังจากมีรายงานข่าวว่า CEO อีลอน มัสก์ กำลังนำกลุ่มนักลงทุนเข้าซื้อกิจการ OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT ด้วยข้อเสนอหลายพันล้านดอลลาร์
2. จับตาตัวเลขเงินเฟ้อ
ตลาดกำลังจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งอาจมีผลต่อทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในปีนี้
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตของราคาผู้บริโภคทั่วไปในเดือนมกราคมจะอยู่ที่ 2.9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับระดับของเดือนธันวาคม ขณะที่อัตราการเติบโตรายเดือนคาดว่าจะชะลอลงมาอยู่ที่ 0.3% จาก 0.4%
สำหรับมาตรวัดเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยจาก 3.2% เป็น 3.1% ในอัตรารายปี แต่จะเพิ่มขึ้นจาก 0.2% เป็น 0.3% ในอัตรารายเดือน
แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากพุ่งสูงขึ้นในช่วงหลังการระบาดของโควิด-19 แต่เจ้าหน้าที่เฟดก็ยังคงเน้นย้ำว่าระดับเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% ของธนาคารกลาง
3. ภาษีตอบโต้ของทรัมป์
ที่ปรึกษาของทรัมป์กำลังสรุปแผนการออกมาตรการภาษีตอบโต้ที่ครอบคลุมในวันนี้ ตามรายงานของรอยเตอร์ส
มาตรการภาษีดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งก้าวในความพยายามของทรัมป์ที่จะกำหนดนโยบายการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าให้อยู่ในรูปแบบที่เน้นการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระดับโลกที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ทรัมป์ได้ประกาศเก็บภาษี 25% สำหรับการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมด ซึ่งส่งผลให้สหภาพยุโรป แคนาดา และเม็กซิโกออกมาแสดงความไม่พอใจ ขณะที่บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวก็เร่งปรับเปลี่ยนการดำเนินงานก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมีนาคม อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ได้รับการสนับสนุนจากแรงงานและบริษัทอเมริกันบางกลุ่ม
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม 10% สำหรับสินค้าจีน ซึ่งทำให้จีนออกมาตรการตอบโต้ที่กำลังจะมีผลในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้กำหนดภาษี 25% กับเม็กซิโกและแคนาดา แต่ภายหลังได้เลื่อนออกไปหนึ่งเดือน หลังจากได้รับคำมั่นสัญญาจากทั้งสองประเทศในการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ชายแดน
4. ผลประกอบการของ Cisco
Cisco Systems (NASDAQ:CSCO) มีกำหนดการณ์รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดหลังตลาดปิดในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์กำลังจับตาดูแนวโน้มความต้องการอุปกรณ์เครือข่ายของบริษัทที่ได้รับอิทธิพลจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
บริษัทรายใหญ่อื่น ๆ เช่น CVS Health (NYSE:CVS) และแพลตฟอร์มซื้อขายหุ้นออนไลน์ Robinhood (NASDAQ:HOOD) ก็เตรียมประกาศผลประกอบการเช่นกัน
นักวิเคราะห์จาก Vital Knowledge ระบุว่าความสนใจของตลาดกำลังเปลี่ยนไปที่ผลประกอบการของบริษัทที่มีรอบบัญชีสิ้นสุดในเดือนมกราคม นอกเหนือจาก Cisco นักลงทุนยังจับตาดูรายงานผลประกอบการของ AMC Entertainment (NYSE:AMC) และ Walmart (NYSE:WMT) ในสัปดาห์หน้า และที่สำคัญคือ Nvidia (NASDAQ:NVDA) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับความสนใจจากกระแส AI โดยจะรายงานผลประกอบการปลายเดือนนี้
5. ราคาน้ำมันร่วง
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในวันนี้ หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ หลังถูกกดดันจากรายงานอุตสาหกรรมที่ระบุว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นเกินคาด ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด
ณ เวลา 15:33 น. น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์สปรับลดลง 1.0% มาเป็น 72.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 0.9% มาเป็น 76.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การลดลงครั้งนี้ทำให้ราคาน้ำมันยุติแนวโน้มขาขึ้นที่ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นเวลาสามวัน ซึ่งก่อนหน้านี้ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์
ข้อมูลล่าสุดจาก สถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) ระบุว่า สินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากถึง 9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ของวันที่ 31 มกราคม ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงกว่าที่คาดไว้