โดย Detchana.K
Investing.com - บางหน่วยงานได้ทะยอยปรับเพิ่มจีดีพีของไทยในปีนี้ ล่าสุด ม.หอการค้าไทย คาดจีดีพีปี 63 จะติดลบน้อยลง จากเดิมคาด -9% เหลือ -7.5% อันเป็นผลจากการคลายมาตรการล็อคดาวน์ของรัฐบาล บวกกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้มีผลการศึกษาชี้ว่าตลาดหุ้นไทยมีความสัมพันธ์กับราคาน้ำมันอย่างมาก ติดตามรายละเอียดพร้อม 3 ประเด็นที่นักลงทุนไทยควรรู้สำหรับวันนี้
1. ม.หอการค้าไทย รายงานคาดการณ์ GDPรอบใหม่ ถือเป็นสัญญาณบวก
เศรษฐกิจไทย GDP ปี 2563 ต้นปี Consensus คาดเฉลี่ย 3% และผลกระทบ Covid-19 ทําให้เห็นการปรับลด GDP ลงมาเรื่อยๆ ล่าสุดคาดเฉลีย - 7.2 %(IMF
คาด –7%yoy ) เมื่อเทียบกับ GDP 1H63 เฉลี่ย - 7.1% ล่าสุด เริ่มเห็นบางหน่วยงานทยอยปรับเพิ่ม GDP Growth ไทยปี 2563 คือ เมื่อวานนี้ ม.หอการค้าไทย รายงานคาดการณ์ GDP รอบใหม่ออกมาติดลบน้อยลงเหลือ -7.5%yoyจากเดิมคาด -9%
โดยปัจจัยหนุนหลักๆมาจากความเชื่อคล้ายที่เคยนําเสนอก่อนหน้าคือรัฐผ่อนคลาย Lockdown เศรษฐกิจต่อเนื่อง และเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในส่วนของการบริโภค สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค(CCI) ล่าสุด เดือนส.ค. ปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 4 เดือน Sentiment บวกต่อหุ้นค้าปลีก ซีพี ออลล์ (BK:CPALL), Central Retail (BK:CRC)
การผลักดันเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้จะขาดขุนพลสําคัญชั่วคราว คือรัฐมนตรีคลัง แต่เป็นที่สังเกตว่ารัฐบาลยังเดินหน้า เตรียมแผนจะผลักดันเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างไม่ขาดช่วง ล่าสุดวานนี้สภาพัฒน์เผย Timeline การเร่งเบิกจ่าย พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้าน ที่จะออกมาในเดือน ก.ย.-ต.ค. 63 (จากปัจจุบนับตั้งแต่มีแผน พรก. 1 ล้านล้านบาท พบว่ามีเม็ดเงินเบิกจ่าย +อนุมัติยังไม่เบิกจ่ายรวมราว 3.86 แสนล้านบาท ราว 38.6 %ของวงเงิน 1 ล้านล้านบาท )
โดยการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็น Hilight ที่รัฐบาลจะเร่งอนุมัติและเบิกจ่ายเงินในส่วนนี้ในเดือน ก.ย.- ต.ค. หลักๆ จะเน้นไปที่การจ้างงาน และภาคการท่องเที่ยว สถานะล่าสุดคือ อนุมัติวงเงินไปแล้ว 4.31 หมื่นล้านบาท
2. ความสัมพันธ์หุ้นไทยกับราคาน้ำมัน
ช่วงที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบโลกผันผวนมาก โดยปรับตัวลดลงไปถึง 14 % ช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา และวานนี้ฟื้นกลับขึ้นมาราว 3% โดยฝ่ายวิจัยเล็งเห็นถึงราคาน้ำมันที่อยู่ในภาวะ
ที่ผันผวน จึงทําการศึกหาความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นไทยกับราคาน้ำมัน ผ่านการหาค่าสหสัมพันธ์ (Correlation) เพื่อที่จะช่วยให้ตัดสินใจในการเข้าลงทุนได้อย่างถูกต้องและ
แม่นยํามากขึ้น
เริ่มจาก ตลาดหุ้นไทย มีค่า Correlation กับราคาน้ำมันสูงถึง 0.86 (ยิ่งใกล้ 1 ยิ่งเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันมาก) เนื่องจาก SET Index มีสัดส่วนหุ้นที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ถึง
1 ใน 4 ส่วนของหุ้นทั้งหมด ทําให้ดัชนีมักจะแปรผันตามราคาน้ำมัน รวมราคาน้ำมันมักจะปรับตัวขึ้นในเวลาที่เศรษฐกิจฟื้นตัว เช่นเดียวกับ SET Index เนื่องจากความต้องการใช้ที่มากขึ้น
และหากวิเคราะห์เจาะลึกค้นหาความสัมพันธ์หุ้นไทยกับราคาน้ำมันเป็นรายหุ้น สามารถแบ่งความสัมพันธ์ออกได้เป็น 3 ประเภท คือ หุ้นที่มักปรับตัวขึ้นได้ดีในภาวะที่น้ำมันเป็นขาขึ้น (Correlation > 0.7) คือ (BK:PTTEP), IVL, PTT, PTTGC, TOP,(BK:IRPC) และ
หุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบในยามที่ราคาน้ำมันผันผวน (0 < Correlation < 0.1) คือ (BK:BEM), BH, CPF, MAJOR, BTS และ TTW (เรียงลําดับ Correlation จากน้อยไปมาก) หุ้นที่มักปรับตัวขึ้นได้ดีในภาวะที่น้ำมันเป็นขาลง (Correlation < 0) คือ (BK:TASCO),EPG, AAV, การบินไทย (BK:THAI) (เรียงลําดับ Correlation จากน้อยไปมาก)
3. ปตท.ยังพื้นฐานแกร่ง สตอรี่หนุน
ผลประกอบการ ของ ปตท (BK:PTT) คาดว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดใน 1H63 มาแล้ว ขณะที่กำไรจะเห็นการเติบโตชัดเจนใน 4Q63 หนุนจาก 1) ราคาขายสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ 2) ต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะแหล่งก๊าซในอ่าวไทยตามรอบปรับสัญญาขายเดือนต.ค. (อ้างอิงราคาก๊าซของ PTTEP 4Q63จะอยู่ที่ US$5/mmbtu เทียบกับ 3Q63 ที่ US$6/mmbtu) 3) ความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจ –อุตสาหกรรมฟื้นตัว 4) การปิดซ่อมบำรุงลดลง และ5) ไม่น่ามีผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน
อย่างไรก็ตามปรับประมาณการปี 2563 – 2564 ลง 29% และ 4% ตามลำดับ กำไรสุทธิ1H63 ทำได้ 1.0 หมื่นล้านบาท ลดลง 81% จาก 1H62 สาเหตุหลักมาจากขาดทุนสต็อกน้ำมัน 3.3. หมื่นล้านบาท อัตรากำไรลดลงทุกธุรกิจหลักสอดคล้องทิศทางราคาน้ำมัน ค่าการกลั่น ส่วนต่างราคาปิโตรเคมี รวมทั้งมีค่าเสื่อมราคาสูงขึ้น โดยผลประกอบการ 1H63 ทำได้เพียง 16% ของประมาณการเดิมทั้งปี
ในตลาดโลกราคาน้ำมันทยอยฟื้นตัว แม้จะปรับฐานในช่วงสั้น ตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ปรับฐาน -14% ต่ำสุดตั้งแต่เดือนมิ.ย. กดดันจาก 1) ความกังวล Covid-19 หลัง WHO เตือนถึงโอกาสการระบาดรอบใหม่2) ฤดูกาลขับขี่ของสหรัฐฯ เดือนเม.ย.-ก.ย. ใกล้สิ้นสุด 3) ค่าการกลั่นต่ำกดดันความต้องการใช้น้ำมันดิบ 4) ซาอุฯ ปรับลดราคาน้ำมัน OSP เดือนต.ค. 5) ดอลลาร์แข็งค่า 6) แท่นขุดเจาะน้ำมัน – ก๊าซธรรมชาติบริเวณอ่าวเม็กซิโกเริ่มกลับมาผลิตหลังพายุเฮอริเคนคลี่คลาย 7) ความกังวล Compliance ของ OPEC+ หลังอิรักขอขยายระยะเวลาลดปริมาณผลิตที่ทำได้ต่ำกว่าโควต้า
สำหรับราคาน้ำมันระยะกลาง - ยาว หนุนจากความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก มาตรการลดปริมาณผลิตของ OPEC+ ที่เข้มงวดถึงเดือนเม.ย. 2565 และปริมาณสต็อกน้ำมันโลกที่ทยอยลดลง คงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2563 – 2564 ที่ US$42 – 47/bbl ตามลำดับ (ค่าเฉลี่ย YTD อยู่ที่ US$42.8/bbl)