โดย Detchana.K
Investing.com - บลจ. Asia Plus เผยว่าสัญญาณทีจะนําไปสู่การปรับ ครม. ปรากฎชัดเจนขึ้นตามลําดับ เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง รวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งหัวหน้าพรรคทีดํารงตําแหน่งรมว.แรงงานฯ ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และล่าสุด รัฐมนตรี ตําแหน่งของพรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ รมว.คลัง, พลังงาน และ อว.(การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม) ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ สถานะดังกล่าวก็เท่ากับว่ามีรัฐมนตรีว่าการถึงกระทรวงที่ดํารงตําแหน่งอยู่โดยทีไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดๆ ส่งผลทําให้สมดุลเรืองโควต้ารัฐมนตรีตามสัดส่วนของ ส.ส. ในแต่ละพรรคการเมืองเปลียนไป ซึงโดยธรรมชาติก็จะก่อให้เกิดแรงผลักดันเพื่อทําให้โควต้ารัฐมนตรี กลับสูภ่าวะสมดุล ด้วยกลไกดังกล่าวจึงเชื่อว่าการปรับ ครม. น่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนนับจากนี้
นอกจากนี้ยังมีแรงผลักดันอีกส่วนหนึ่งในเรืองการเดินหน้ามาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันถือเป็นเรืองทีมีความจําเป็นเร่งด่วน และจําเป็นทีต้องได้ทีมเศรษฐกิจที่มีความเข้มแข็ง เข้ามาเป็นผู้ขับเคลือน หากไม่ดำเนินการหาบุคคลากรทีเหมาะสมเข้ามาดําเนินการโดยเร็ว ก่อจะส่งผลทําให้แผนงานทีคังค้างอยู่ และการคิดหามาตรการใหม่ๆ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไม่สามารถเกิดขึนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึงถือเป็นความเสียงสําหรับเศรษฐกิจไทย รวมถึง Sentiment การลงทุนในตลาดหุุ้นด้วย สถานการณ์การเปลียนแปลงทางการเมืองในช่วงเวลานี้จึงต้องจับตาใกล้ชิด
การเมืองภาพการเปลี่ยนแปลงภายใน อาจมีผลต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
จากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองข้างต้น ASPS ประเมินว่า อาจมีผลให้แรงผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่าย และการลงทุนภาครัฐลดลงได้ ภายหลังจากทั้ง
2 เป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทีสําคัญของไทยในช่วงทีเหลือของปีนี (แน้วโน้มทัง การส่งออก, การท่องเทียว, การลงทุนเอกชน และการบริโภคเอกชน คาดชะลอตัวต่อ จาก
ผลกระทบจากไวรัส COVID-19 ทั้งนี้ คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐทีได้รับผลกระทบ หลักๆคือ โครงการทียังไม่ผ่านการอนุมัติของ ครม. แบ่งเป็น
มาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจ ผ่าน พ.ร.ก. 1ล้านล้าน: ยังมีงบประมาณทียังไม่ได้อนุมัติอีกราว 6.18 แสนล้านบาท ( 61.8% ของวงเงินรวม)
o เยียวยาเศรษฐกิจ: มีงบประมาณทียังไม่ได้อนุมัติ 2.11 แสนล้านบาท
o ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม: มีงบประมาณทียังไม่ได้อนุมัติ 3.62 แสนล้านบาท
o ด้านสาธารณสุข วงเงิน 4.5 หมืนล้านบาท: ยังไม่มีการอนุมัติ เนื่องจากกันไว้ใช้ป้องกันโรคและวัคซีน
โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ : ตามแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ปี 2563 มี โครงการลงทุนที่รัฐตั้งเป้าไว้จำนวน1.95 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น โครงการที่ ครม. อนุมัติ แล้ว 1.2 ล้านล้านบาท เช่น รถไฟฟ้าสีส้มตะวันตก 1.09 แสนล้านบาท, รถไฟฟ้าสายสีม่วง 1.01 แสนล้านบาท เป็นต้น ส่วนโครงการที ครม. ยังไม่ได้อนุมัติ มีอีกราว 7.52 แสนล้านบาท
ที่มา Asia Plus Securities