โดย Peter Nurse
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายนมีดังต่อไปนี้
1. สหรัฐโกลาหล, กลุ่มผู้ประท้วงเริ่มใช้ความรุนแรง
การประท้วงที่เดิมได้เริ่มต้นขึ้นอย่างสันติเพื่อต่อต้านการฆาตกรรมประชาชนผิวดำหลังจากการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ที่เสียชีวิตจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจมินนิอาโปลิส บัดนี้ได้กลายเป็นการประท้วงที่ใช้ความรุนแรงและสร้างความเสียหายในเมืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟิลาเดลเฟียหรือลอสแองเจลีส และยังลามไปใกล้พื้นที่ทำเนียบขาวอีกด้วย
แรงกดดันเริ่มถาโถมไปยังประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยกระแสที่กล่าวหาว่าทรัมป์เป็นผู้จุดชนวนการสนับสนุนความรุนแรงอันเนื่องมาจากการเหยียดเชื้อชาติ หลังจากดูเหมือนว่าทรัมป์ได้ส่งสัญญาณเรียกร้องให้ประชาชนที่สนับสนุนเขาออกมาประท้วงโต้ตอบในพื้นที่ภายนอกทำเนียบขาว และยังเผยว่ารัฐบาลสหรัฐเตรียมประกาศหมายหัวให้กลุ่มซ้ายจัด Antifa เป็น 'องค์กรก่อการร้าย' อีกด้วย
ประเด็นความขัดแย้งครั้งนี้เป็นแรงกดดันครั้งใหม่แก่เศรษฐกิจสหรัฐที่เพิ่งจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้เพียงไม่นานจากแรงกดดันขาลงที่คล้ายกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ โดยธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดประจำแอตแลนตาได้คาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสที่สองอาจถล่มลงหนักสุดเมื่อเทียบเป็นรายปีถึง 51%
2. ทรัมป์ล่าถอยจากการโจมตีจีน
ตลาดการเงินพากันจับตาการตอบโต้จากทรัมป์เมื่อวันศุกร์นี้ภายหลังจากจีนได้ตัดสินใจบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติเพื่อปกครองฮ่องกง แต่ท้ายที่สุดแล้วทรัมป์เผยว่าเขาจะยกเลิกการให้สิทธิพิเศษแก่ฮ่องกงเท่านั้น และไม่ได้ประกาศว่าจะยกเลิกข้อตกลงทางการค้าที่เพิ่งลงนามไปกับจีนดังที่ตลาดเกรงกลัวแต่อย่างใด
ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ระหว่างสองขั้วมหาอำนาจทางเศรษฐกิจก็ยังคงตึงเครียด และจะเป็นปัจจัยที่ไม่อาจมองข้ามได้ในอนาคตโดยเฉพาะเมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐกำลังใกล้จะมาถึง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้รายงานในวันนี้ว่า รัฐบาลจีนได้สั่งการให้บรรดาบริษัททางการเกษตรรายใหญ่ในประเทศยกเลิกการสั่งซื้อสินค้าทางการเกษตรจากสหรัฐชั่วคราว อาทิ ถั่วเหลือง ขณะที่รัฐบาลจีนกำลังประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย
นักวิเคราะห์หลายท่านจาก Nordea ระบุไว้ในบันทึกการวิจัยว่า “หากทรัมป์ต้องการเพิ่มโอกาสที่จะได้รับชัยชนะจากนายไบเดนในเดือนพฤศจิกายน ทรัมป์จะต้องเด็ดขาดกับจีนมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้"
3. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวในแดนลบ, Goldman เริ่มมีมุมมองในแง่บวก
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมย่อตัวลงมาเล็กน้อย หลังจากส่งมอบเดือนที่ยอดเยี่ยมในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้า ติดลบ 26 จุดหรือ 0.1% ส่วนสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้า ย่อตัวลง 0.2% และ สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้า ปรับตัวลง 0.4%
ถึงกระนั้น Goldman Sachs ก็ได้เปลี่ยนทิศทางการประเมินจากเดิมที่คาดว่าจะมีการเทขายครั้งใหญ่อีกครั้ง
ทางธนาคารได้ปรับเปลี่ยนการคาดการณ์จากเดิมที่คาดว่าดัชนี S&P 500 จะดิ่งลงต่ำกว่าระดับ 2,400 ซึ่งต่ำลง 20% จากราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 3,044 และคาดว่าแนวรับใหม่จะอยู่ที่ 2,750 อีกทั้งดัชนีอาจปรับตัวขึ้นไปถึง 3,200 เลยด้วย
4. ดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก ISM
สัปดาห์นี้สมาชิกเฟดยังคงอยู่ในช่วงงดออกสื่อล่วงหน้าก่อนการประชุมนโยบายทางการเงินครั้งถัดไปในเดือนนี้ แต่ในสัปดาห์นี้ก็จะมีการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจหลายประการ
ในวันศุกร์นี้จะมีการรายงาน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร ที่น่าจับตา แต่ก่อนหน้านั้นจะมีการรายงาน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคการผลิตจาก ISM ประจำเดือนพฤษภาคมในเวลา 10.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก
ซึ่งคาดว่าตัวเลขที่ออกมาจะแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในแง่บวกของภาคการผลิตสหรัฐ โดยค่าดัชนีล่าสุดคาดว่าจะไต่ขึ้นเป็น 43.0 จากเดือนเมษายน 41.5 ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐค่อย ๆ ฟื้นตัวภายหลังผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์
5. กลุ่มโอเปกจะประชุมกันในสัปดาห์นี้หรือไม่
ราคาน้ำมันมีความเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างน่าพอใจในช่วงนี้ โดยสัญญา เบรนท์ และ WTI สำหรับการส่งมอบเดือนถัดไปประจำเดือนพฤษภาคมปรับตัวขึ้นรายเดือนได้อย่างแข็งแกร่งที่สุดในรอบหลายปี หลังจากกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและประเทศพันธมิตรหรือเป็นที่รู้จักในนามกลุ่มโอเปก+ ได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองทศวรรษ
นอกจากนี้อัลจีเรียซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานของกลุ่มโอเปกขณะนี้ ก็ได้เสนอให้เลื่อนการประชุมโอเปก+ ให้เร็วขึ้นจากเดิมวันที่ 9-10 มิถุนายนเป็นวันพฤหัสบดีนี้ด้วย
หนึ่งในประเด็นที่จะมีการเจรจากันในการประชุมครั้งที่จะถึงนี้คือการยืดเวลาการลดกำลังการผลิตปัจจุบันที่อัตรา 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อไปอีกหนึ่งถึงสองเดือน โดยภายใต้ข้อตกลงปัจจุบันประเทศสมาชิกจะชะลอการลดกำลังการผลิตเหลือ 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวันนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป