โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคมมีดังต่อไปนี้
1. รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐและข้อมูลอื่นๆ
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะรายงานออกมาในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ซึ่งคาดว่าสัปดาห์ที่แล้วจะมีผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่ 2.1 ล้านราย แม้ว่าจะลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ 2.44 ล้านราย (อาจมีการปรับตัวเลขอีกครั้ง) แต่ก็ถือว่าเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกันแล้วที่มียอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานมากกว่า 2 ล้านราย
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องคาดว่าจะสูงขึ้นไม่ถึง 750,000 ราย แต่ก็ยังคงมียอดรวมที่สูงถึง 25.75 ล้านราย
นอกจากนี้จะมียอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนเมษายนและการปรับตัวเลข GDP สหรัฐประจำไตรมาสแรกด้วย
2. จีนอนุมัติกฎหมายว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกง
สภาประชาชนแห่งชาติจีนได้อนุมัติกฎหมายใหม่ที่จะผนึกกำลังเพื่อควบคุมความเป็นเอกเทศของฮ่องกงอย่างไม่ยี่หระต่อเสียงคัดค้านจากสหรัฐ โดยทางการจีนได้เน้นย้ำว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นภายในประเทศ แม้ว่าจีนจะมีพันธะผูกมัดผ่านสัญญาสากลที่เคยได้ลงนามกับสหราชอาณาจักรเมื่อสมัยปี 1980 เพื่อรับประกันสิทธิของฮ่องกงก็ตาม
ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงขยับลงอีก 0.7% แต่ค่าเงินหยวนยังคงตัว
ความขัดแย้งระหว่างจีนและชาติตะวันตกยังคงคุกรุ่นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดศาลแคนาดาได้มีคำสั่งอนุมัติการส่งตัวประธานฝ่ายการเงินของ Huawei น.ส. เมิ่ง หวานโจว เพื่อพิจารณาคดีในสหรัฐ และจีนเตรียมบังคับใช้ข้อจำกัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าจากออสเตรเลีย หลังจากออสเตรเลียได้เรียกร้องให้มีการสืบหาต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยก่อนหน้านี้จีนได้ห้ามไม่ให้นำเข้าเนื้อวัวจากออสเตรเลียและเรียกเก็บภาษีสินค้าประเภทธัญพืชด้วย
3. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวหลายทิศทาง
ตลาดหุ้นสหรัฐคาดว่าจะพักตัวชั่วครู่เมื่อถึงเวลาเปิดตลาดในวันนี้ หลังจากปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้ดัชนีหลักส่วนใหญ่เด้งกลับขึ้นมาจากขาลงนับตั้งแต่สหรัฐประกาศล็อกดาวน์
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าขยับขึ้น 90 จุดหรือ 0.4% ส่วนสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าคงตัวและสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ติดลบ 0.4%
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปก็ปรับตัวขึ้นตามมาติด ๆ โดยได้รับแรงหนุนจากสัญญาณของคณะกรรมาธิการยุโรปที่ได้ยื่นข้อเสนอจัดตั้งกองทุนเยียวยาเศรษฐกิจยุโรปรวมเป็นมูลค่า 7.5 แสนล้านยูโร (8.25 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) เมื่อวานนี้
4. ทรัมป์จ่อเซ็นคำสั่งพิเศษโจมตีบริษัทโซเชียลมีเดีย
ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเซ็นอนุมัติคำสั่งพิเศษที่มุ่งเป้าไปยังบริษัทโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ในวันนี้ เพื่อเป็นการต่อกรกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ทรัมป์เชื่อว่ามีอคติต่อต้านความเป็นอนุรักษ์นิยม ล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ทรัมป์ได้ระบุว่าคำสั่งดังกล่าวจะ "เป็นคำสั่งระดับสูงและส่งผลอย่างเป็นวงกว้าง" ซึ่งจะมุ่งเป้าไปยังกฎหมายนิติบัญญัติที่คุ้มครองแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียให้พ้นจากความรับผิดชอบทางกฎหมายต่อเนื้อหาในแพลตฟอร์มมากว่า 20 ปีแล้ว
ความคืบหน้าครั้งนี้เกิดขึ้นไม่ถึงสามวันหลังจาก Twitter ได้ทำเครื่องหมายเตือนบนทวีตของทรัมป์เป็นครั้งแรก พร้อมคำแนะนำว่าข้อมูลในทวีตเหล่านั้นไม่น่าเชื่อถือ
หุ้นของ Twitter ติดลบ 2.7% และหุ้น Facebook ปรับตัวลง 1.4% ในช่วงก่อนเวลาเปิดตลาด
5. ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันหลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐมีแววสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดิบกำลังปรับฐานอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) คาดว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐสัปดาห์ที่แล้วจะสูงขึ้นอย่างมาก
ตัวเลขอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐ (EIA) จะมีกำหนดการรายงานในเวลา 10:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก
เมื่อเวลา 6:30 น. สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐติดลบ 1.3% เท่ากับ $32.37 ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ดีดขึ้น 1.2% อยู่ที่ $35.03 ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากมีสัญญาณว่าบริษัทผู้ผลิตน้ำมันในรัสเซียจะถอนตัวจากแผนการขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปจากเดิมที่จะสิ้นสุดช่วงปลายเดือนมิถุนายน แต่ถึงกระนั้นรัสเซียและซาอุดิอาระเบียก็ยังมีกำหนดการที่จะเจรจากันเกี่ยวกับการยืดเวลาลดกำลังการผลิตต่อไป