โดย Noreen Burke
Investing.com - ห้าเรื่องราวที่คุณควรทราบก่อนเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้
- การประชุมเฟด
ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด จะประชุมเพื่อพิจารณาปรับนโยบายทางการเงินตามกำหนดการครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคมในวันพรุ่งนี้และมะรืนนี้ ทว่าก่อนหน้านี้คณะสมาชิกเคยนัดประชุมด่วนกันมาหลายครั้งแล้วและได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงจนเหลือศูนย์ รื้อฟื้นแผนการซื้อตราสารหนี้ และออกมาตรการมากมายเพื่อลดหย่อนเงื่อนไขสินเชื่อ จึงทำให้งบดุลของเฟดขยายตัวขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 6.42 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
แม้ว่าการประชุมครั้งนี้จะไม่มีวาระฉุกเฉินเหมือนการประชุมเมื่อเดือนมีนาคม แต่นักวิเคราะห์หลายท่านเชื่อว่าตลาดก็น่าจะได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการปล่อยสินเชื่อกู้ยืมพิเศษ โครงการซื้อสินทรัพย์ และผลคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในอนาคต
- การประชุมของ ECB
เพียงแค่ในปีนี้ปีเดียวก็คาดว่า ECB จะใช้งบประมาณไปหลายล้านล้านยูโรไปกับการซื้อสินทรัพย์ รวมทั้งการออกมาตรการมากมายเพื่อหนุนธนาคารต่าง ๆ ในภูมิภาคด้วย
ทว่า ECB น่าจะได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย ขณะที่คณะผู้นำสหภาพยุโรปยังไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาคจากการระบาด โดยประธาน ECB คริสทีน ลาการ์ด ได้เตือนคณะผู้นำ EU เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเศรษฐกิจยุโรปในปีนี้อาจหดตัวลงมากที่สุดถึง 15%
นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าหาก ECB ยังมีอัตราการซื้อรายวันในระดับปัจจุบัน โครงการซื้อตราสารหนี้ฉุกเฉินมูลค่า 7.5 แสนล้านยูโรก็จะครบขีดจำกัดในเดือนตุลาคม และหากเป็นเช่นนั้น ECB จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเพิ่มอัตราการซื้ออีก 5 แสนล้านยูโรภายในวัน พฤหัสบดี นี้
- ตัวเลข GDP สหรัฐ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
ตัวเลข GDP ประจำไตรมาสแรกของสหรัฐจะเป็นตัวเลขที่น่าจับตาเป็นพิเศษสำหรับปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเดือนมีนาคมได้หยุดนิ่งหลังจากผ่านเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้มีแรงงานที่สูญเสียตำแหน่งงานถึง 27 ล้านตำแหน่งภายในระยะเวลาเพียง 5 สัปดาห์
นักวิเคราะห์จาก ING ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า “พวกเราคาดว่าเศรษฐกิจไตรมาสแรกจะหดตัวลง 6% เมื่อเทียบปีต่อปีและไตรมาสที่สองก็น่าจะย่ำแย่กว่านั้นอีก และพวกเราคาดว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมรายปีระหว่างเดือนมีนาคมและมิถุนายนจะลดลงเมื่อเทียบปีต่อปี 40% แม้ว่ารัฐอื่น ๆ ได้เริ่มตามรอยรัฐจอร์เจีย เทนเนสซี ฟลอริดา และเซาธ์ แคโรไลนาในการเปิดเศรษฐกิจภายในอีกสองถึงสี่สัปดาห์ข้างหน้าก็ตาม"
นอกจากนี้อีกตัวเลขที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้คือจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
นักวิเคราะห์จาก ING ชี้ว่า “พวกเราคาดว่าหลังจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการที่ลดลงมาเป็นเวลาสามสัปดาห์ติดต่อกัน ในสัปดาห์นี้ตัวเลขก็น่าจะลดลงไปอีกเนื่องจากบางรัฐได้เริ่มเตรียมตัวเปิดเศรษฐกิจแล้ว"
- ข้อมูลทางเศรษฐกิจฝั่งยูโรโซน
ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ประกอบไปด้วยการรายงาน GDP ไตรมาสแรก, ตัวเลขการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อจากฝั่งยูโรโซน โดยประเด็นที่น่าจับตาที่สุดคือการหดตัวของ GDP ภายหลังการใช้มาตรการล็อกดาวน์ของประเทศต่าง ๆ ฝั่งยูโรโซนนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคม
อัตราการว่างงาน ประจำเดือนมีนาคมจะแสดงให้เห็นว่าการปลดพนักงานได้ส่งผลต่ออัตราการว่างงานมากน้อยเพียงใด ส่วน อัตราเงินเฟ้อ ประจำเดือนเมษายนก็คงบ่งบอกอะไรไม่ได้มากนักเนื่องจากร้านค้าปลีกส่วนใหญ่ยกเว้นร้านขายของชำได้ปิดทำการ
- ตลาดน้ำมันจะยังคงผันผวนอีกหรือไม่
ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้จะเป็นบททดสอบว่าตลาดน้ำมันได้ฟื้นคืนสู่เสถียรภาพอย่างแท้จริงแล้วหรือยัง หลังจาก ราคาน้ำมันดิบ ซึ่งไม่เคยดิ่งลงไปต่ำกว่า $10 ต่อบาร์เรลในประวัติศาสตร์เกือบ 40 ปี ได้ถล่มลงไปถึง -$38 ต่อบาร์เรลเมื่อวันจันทร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปริมาณสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ยังคงเปิดสำหรับการส่งมอบในเดือนมิถุนายนได้ลดลงไปทั้งหมด 217 ล้านบาร์เรลเมื่อวันจันทร์ คิดเป็นอัตราส่วนมากกว่าหนึ่งในสาม
ราคาน้ำมันดิบ ที่ถูกลงอาจช่วยหนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังจากสิ้นสุดการใช้มาตรการล็อกดาวน์แล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันที่ถูกลงจะทำให้ต้นทุนของสินค้าพลังงาน การขนส่ง และการผลิตลดลงตามไปด้วย ทำให้ผู้บริโภคประหยัดเงินได้มากขึ้นและช่วยเยียวยาประเทศที่นำเข้าน้ำมันเป็นหลักด้วย
ดูปฏิทินเศรษฐกิจและเหตุการณ์สำคัญ
--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์