รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

5 เหตุการณ์สำคัญ ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (27 เม.ย. - 1 พ.ค.)

เผยแพร่ 26/04/2563 17:52
อัพเดท 26/04/2563 17:59
© Reuters.

โดย Noreen Burke

Investing.com - ห้าเรื่องราวที่คุณควรทราบก่อนเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้

  1. การประชุมเฟด

ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด จะประชุมเพื่อพิจารณาปรับนโยบายทางการเงินตามกำหนดการครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคมในวันพรุ่งนี้และมะรืนนี้ ทว่าก่อนหน้านี้คณะสมาชิกเคยนัดประชุมด่วนกันมาหลายครั้งแล้วและได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงจนเหลือศูนย์ รื้อฟื้นแผนการซื้อตราสารหนี้ และออกมาตรการมากมายเพื่อลดหย่อนเงื่อนไขสินเชื่อ จึงทำให้งบดุลของเฟดขยายตัวขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 6.42 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

แม้ว่าการประชุมครั้งนี้จะไม่มีวาระฉุกเฉินเหมือนการประชุมเมื่อเดือนมีนาคม แต่นักวิเคราะห์หลายท่านเชื่อว่าตลาดก็น่าจะได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการปล่อยสินเชื่อกู้ยืมพิเศษ โครงการซื้อสินทรัพย์ และผลคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในอนาคต

  1. การประชุมของ ECB

เพียงแค่ในปีนี้ปีเดียวก็คาดว่า ECB จะใช้งบประมาณไปหลายล้านล้านยูโรไปกับการซื้อสินทรัพย์ รวมทั้งการออกมาตรการมากมายเพื่อหนุนธนาคารต่าง ๆ ในภูมิภาคด้วย

ทว่า ECB น่าจะได้รับแรงกดดันเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย ขณะที่คณะผู้นำสหภาพยุโรปยังไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในภูมิภาคจากการระบาด โดยประธาน ECB คริสทีน ลาการ์ด ได้เตือนคณะผู้นำ EU เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเศรษฐกิจยุโรปในปีนี้อาจหดตัวลงมากที่สุดถึง 15%

นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่าหาก ECB ยังมีอัตราการซื้อรายวันในระดับปัจจุบัน โครงการซื้อตราสารหนี้ฉุกเฉินมูลค่า 7.5 แสนล้านยูโรก็จะครบขีดจำกัดในเดือนตุลาคม และหากเป็นเช่นนั้น ECB จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเพิ่มอัตราการซื้ออีก 5 แสนล้านยูโรภายในวัน พฤหัสบดี นี้

  1. ตัวเลข GDP สหรัฐ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

ตัวเลข GDP ประจำไตรมาสแรกของสหรัฐจะเป็นตัวเลขที่น่าจับตาเป็นพิเศษสำหรับปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเดือนมีนาคมได้หยุดนิ่งหลังจากผ่านเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้มีแรงงานที่สูญเสียตำแหน่งงานถึง 27 ล้านตำแหน่งภายในระยะเวลาเพียง 5 สัปดาห์

นักวิเคราะห์จาก ING ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า “พวกเราคาดว่าเศรษฐกิจไตรมาสแรกจะหดตัวลง 6% เมื่อเทียบปีต่อปีและไตรมาสที่สองก็น่าจะย่ำแย่กว่านั้นอีก และพวกเราคาดว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมรายปีระหว่างเดือนมีนาคมและมิถุนายนจะลดลงเมื่อเทียบปีต่อปี 40% แม้ว่ารัฐอื่น ๆ ได้เริ่มตามรอยรัฐจอร์เจีย เทนเนสซี ฟลอริดา และเซาธ์ แคโรไลนาในการเปิดเศรษฐกิจภายในอีกสองถึงสี่สัปดาห์ข้างหน้าก็ตาม"

นอกจากนี้อีกตัวเลขที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้คือจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

นักวิเคราะห์จาก ING ชี้ว่า “พวกเราคาดว่าหลังจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการที่ลดลงมาเป็นเวลาสามสัปดาห์ติดต่อกัน ในสัปดาห์นี้ตัวเลขก็น่าจะลดลงไปอีกเนื่องจากบางรัฐได้เริ่มเตรียมตัวเปิดเศรษฐกิจแล้ว"

  1. ข้อมูลทางเศรษฐกิจฝั่งยูโรโซน

ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ประกอบไปด้วยการรายงาน GDP ไตรมาสแรก, ตัวเลขการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อจากฝั่งยูโรโซน โดยประเด็นที่น่าจับตาที่สุดคือการหดตัวของ GDP ภายหลังการใช้มาตรการล็อกดาวน์ของประเทศต่าง ๆ ฝั่งยูโรโซนนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคม

อัตราการว่างงาน ประจำเดือนมีนาคมจะแสดงให้เห็นว่าการปลดพนักงานได้ส่งผลต่ออัตราการว่างงานมากน้อยเพียงใด ส่วน อัตราเงินเฟ้อ ประจำเดือนเมษายนก็คงบ่งบอกอะไรไม่ได้มากนักเนื่องจากร้านค้าปลีกส่วนใหญ่ยกเว้นร้านขายของชำได้ปิดทำการ

  1. ตลาดน้ำมันจะยังคงผันผวนอีกหรือไม่

ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้จะเป็นบททดสอบว่าตลาดน้ำมันได้ฟื้นคืนสู่เสถียรภาพอย่างแท้จริงแล้วหรือยัง หลังจาก ราคาน้ำมันดิบ ซึ่งไม่เคยดิ่งลงไปต่ำกว่า $10 ต่อบาร์เรลในประวัติศาสตร์เกือบ 40 ปี ได้ถล่มลงไปถึง -$38 ต่อบาร์เรลเมื่อวันจันทร์

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปริมาณสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ยังคงเปิดสำหรับการส่งมอบในเดือนมิถุนายนได้ลดลงไปทั้งหมด 217 ล้านบาร์เรลเมื่อวันจันทร์ คิดเป็นอัตราส่วนมากกว่าหนึ่งในสาม

ราคาน้ำมันดิบ ที่ถูกลงอาจช่วยหนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังจากสิ้นสุดการใช้มาตรการล็อกดาวน์แล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันที่ถูกลงจะทำให้ต้นทุนของสินค้าพลังงาน การขนส่ง และการผลิตลดลงตามไปด้วย ทำให้ผู้บริโภคประหยัดเงินได้มากขึ้นและช่วยเยียวยาประเทศที่นำเข้าน้ำมันเป็นหลักด้วย

ดูปฏิทินเศรษฐกิจและเหตุการณ์สำคัญ

--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย