โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนในวันศุกร์ที่ 3 เมษายนมีดังต่อไปนี้
1. ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรอาจยังไม่แสดงภาพรวมทั้งหมด
ในวันนี้จะมีการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก แม้ตลาดคาดว่าตัวเลขน่าจะออกมาย่ำแย่ แต่ข้อมูลครั้งนี้ยังแสดงภาพรวมของสถานการณ์ได้ไม่ชัดเจนมากนักเนื่องจากเป็นข้อมูลจนถึงสัปดาห์ของวันที่ 12 มีนาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะมีการประกาศปิดรัฐใด ๆ ในสหรัฐ
ความเป็นจริงที่ปรากฎผ่านยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐเมื่อวานนี้เลวร้ายกว่ามาก เห็นได้จากภายในระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ได้มีชาวอเมริกันมากกว่า 9 ล้านรายยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน คิดเป็น 6% ของแรงงานทั้งประเทศ
ประธานเฟดประจำคลีฟแลนด์ ลอเร็ตตา เมสเตอร์ ชี้ว่าอัตราการว่างงานอาจเพิ่มขึ้นถึง 15% ในอนาคตอันใกล้นี้ ตอกย้ำความเห็นของนายเจมส์ บุลลาร์ด ที่ได้กล่าวไว้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ในลักษณะเดียวกัน
2. ราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม, ตลาดคาดหวังต่อข้อตกลงการลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ราคาน้ำมันทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบสองสัปดาห์ครึ่ง หลังจากมีรายงานว่าประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่าจะมีการทำข้อตกลงที่อาจสิ้นสุดสงครามการหั่นราคาน้ำมันทั่วโลก โดย สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.2% เท่ากับ $26.41 ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ไต่กลับขึ้นมาสู่ระดับ $30 ต่อบาร์เรลและยืนอยู่ที่ $32.59 ต่อบาร์เรล ปรับตัวขึ้น 8.9%
กลุ่ม OPEC+ ซึ่งรวมถึงซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย ได้เรียกประชุมด่วนในวันจันทร์นี้ ทว่าสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ากลุ่ม OPEC+ จะบีบบังคับให้สหรัฐจำเป็นต้องลดกำลังการผลิตด้วยเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง
ทางด้านรายงานจากสำนักข่าวอื่น ๆ ชี้ว่า การลดกำลังการผลิตน้ำมันในอัตรา 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณ 10% ของกำลังการผลิตน้ำมันทั่วโลก นั้นถือว่า "อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง" หลังจากปธน.ทรัมป์ได้กล่าวไว้ว่าการลดกำลังการผลิตอาจทำได้มากสุดถึง 15 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งนี้ปธน.ทรัมป์จะนัดหมายเพื่อหารือกับรัฐมนตรีด้านพลังงานของสหรัฐในวันนี้ และเป็นไปได้ว่าการหารือครั้งนี้อาจยืดเยื้อตลอดช่วงสุดสัปดาห์
ส่วนประธานาธิบดีรัสเซีย นายวลาดิมีร์ ปูติน ก็มีกำหนดการหารือร่วมกับกลุ่มบริษัทผู้ผลิตน้ำมันในวันนี้เช่นกัน
3. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวในแดนลบ, ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดตัวในแดนลบ ขณะที่ตลาดยังรับมือกับแรงกดดันในแง่ลบจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้
เมื่อเวลา 6:35 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1035 GMT) {{8873|สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้า}} ติดลบ 236 จุดหรือราว 1.1% อยู่ที่ 21,036 จุด สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้า ขยับลง 1.1% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าขยับลง 1.0%
ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐ ขยับขึ้น 0.5% สู่ระดับสูงสุดในรอบสัปดาห์ หลังจากเงินยูโรและปอนด์สเตอร์ลิงต่างก็ทรุดตัวลงอย่างฉับพลันหลังจากการประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อจาก IHS Markit ทว่าดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ออสเตรเลียและดอลลาร์นิวซีแลนด์ รวมทั้งสกุลเงินที่มีความปลอดภัยสูงอย่างเยนญี่ปุ่นและฟรังก์สวิสด้วย
4. ดัชนี PMI ทรุดตัวลงอย่างหนัก
ยุโรปกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงกว่าในปี 2008-2009 เห็นได้จากข้อมูลผลสำรวจล่าสุด โดย IHS Markit ได้ปรับลดดัชนี PMI ประจำเดือนมีนาคมทั้งภูมิภาคเนื่องมาจากกิจกรรมภาคกิจการบริการที่ลดฮวบ
ดัชนี PMI ภาคกิจการบริการในอิตาลีลดลงเท่ากับ 17.4 จากเดือนกุมภาพันธ์ 52.1 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำสุดที่ Markit เคยรายงานในดัชนี PMI ใด ๆ ในประวัติศาสตร์
Claus Vistesen นักเศรษฐศาสตร์ฝั่งยูโรโซนจาก Pantheon Macroeconomics ได้คาดการณ์ไว้ว่า GDP ฝั่งยูโรโซนจะหดตัวลง 4% ในไตรมาสแรกและจะทรุดตัวลงไปอีก 10% ในไตรมาสนี้ "อ้างอิงจากภาพรวมของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่น่าจะหยุดนิ่งทั้งเดือนเมษายนและแทบทั้งเดือนพฤษภาคม"
5. Disney และ GE เตรียมประกาศให้พนักงานหยุดงาน
Walt Disney (NYSE:DIS) และ General Electric (NYSE:GE) ประกาศว่าจะให้พนักงานหลายพันคนหยุดงาน เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มส่งผลกระทบอย่างเป็นวงกว้างมากขึ้น
Disney ประกาศว่าจะสั่งให้พนักงานทุกแผนกในสหรัฐหยุดงาน โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้ประกาศปิดทำการสวนสนุกอย่างไม่มีกำหนดและหยุดการเดินเรือสำราญของบริษัท รวมทั้งยังมีการประกาศเลื่อนฉายภาพยนตร์ไปยังปีหน้าอีกด้วย
ส่วนประกาศของ GE จะส่งผลกระทบโดยเฉพาะต่อการผลิตภาคอากาศยานเนื่องจากการเดินทางทางอากาศที่ลดลง