โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนในวันพุธที่ 1 เมษายนมีดังต่อไปนี้
1. ปธน.ทรัมป์เตือนสถานการณ์เดือนเมษายนอาจเลวร้ายกว่านี้
ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนว่าสถานการณ์ในเดือนนี้จะย่ำแย่กว่านี้ ล่วงหน้าก่อนที่ทำเนียบขาวจะเผยการคาดการณ์ยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 ที่อาจพุ่งสูงสุดถึง 240,000 ราย
ปธน.ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า “ต่อไปนี้จะเป็นสามสัปดาห์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์" ซึ่งเป็นคำกล่าวที่มีทิศทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงจากหลายสัปดาห์ก่อนที่ปธน.ทรัมป์ยังเชื่อว่าการระบาดจะไม่รุนแรงมากนัก
ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์คาดการณ์ว่าจะมียอดผู้ติดเชื้อสูงกว่า 189,000 รายวันนี้ในสหรัฐ สูงขึ้น 15% โดยขณะนี้จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อได้พุ่งสูงขึ้นเป็น 4,000 รายแล้ว และ 1 ใน 4 ของจำนวนผู้เสียชีวิตมาจากรัฐนิวยอร์กเพียงรัฐเดียว
2. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยุโรปทรุดตัวลง, ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมจีนพลิกฟื้น
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อล่าสุดจาก IHS Market เผยอัตราการผลิตภาคอุตสาหกรรมในยุโรปประจำเดือนมีนาคมที่ดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดใน 7 ปี ขณะที่ดัชนี PMI จาก Caixin ของจีนกลับพลิกฟื้นขึ้นเหนือระดับ 50
แม้ว่าตลาดจะคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าตัวเลขจะต้องออกมาในแง่ลบแต่ก็ยังสร้างแรงกดดันให้แก่ตลาดหุ้นยุโรปในช่วงเปิดตลาดอยู่ดี โดยดัชนี Stoxx 600 ติดลบ 2.7% และดัชนี FTSE 100 ของสหราชอาณาจักรดิ่ง 3.1%
ดัชนี FTSE ได้รับผลกระทบที่หนักพอสมควรเนื่องมาจากแผนการสำรองเงินทุนของธนาคารต่าง ๆ โดยทั้ง HSBC, Barclays, Lloyds Banking Group และ Royal Bank of Scotland ต่างก็ประกาศยกเลิกการจ่ายเงินปันผลเนื่องด้วยแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของสหราชอาณาจักร
3. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวในแดนลบ, จับตาตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดไตรมาสที่สองในแดนลบ โดยผู้จัดการสินทรัพย์ส่วนใหญ่เลือกที่จะลงทุนอย่างปลอดภัยมากขึ้นในอีกสามเดือนข้างหน้า หลังจากตลาดหุ้นทำผลงานรายไตรมาสได้ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินปี 2008
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าปรับตัวลง 636 จุดหรือ 2.9% เท่ากับ 21,115 จุด ส่วนสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าขยับลง 2.9% และสัญญาซื้อขายดัชนี 100 ล่วงหน้าขยับลง 2.5%
ตลาดจะจับตาตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ประจำเดือนมีนาคม ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าสภาพของตลาดแรงงานสหรัฐจะย่ำแย่ลงมากน้อยเพียงใด
Wall Street Journal รายงานว่า บริษัทควบคุมธุรกิจเชนร้านอาหาร CraftWorks มีแผนปลดพนักงาน 18,000 รายหลังจากแผนการปฏิรูปโครงสร้างเพื่อเข้าสู่กระบวนการล้มละลายกลับล้มเหลว
4. Carnival พยายามประคองกิจการ
บริษัทเรือสำราญ Carnival (NYSE:CCL) มีแผนการที่จะระดมเงินทุนเป็นมูลค่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อรับมือกับอุปสงค์ที่ทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วงเวลาของการระบาด
แผนการของบริษัทถือเป็นบททดสอบสำคัญของตลาดภาคเอกชนที่จะช่วยเหลือธุรกิจจากอุปสงค์ที่หยุดชะงัก รวมทั้งความเชื่อมั่นในบริษัทท่ามกลางอนาคตอันใกล้ที่ดูเลือนลาง โดยบริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปานามาและไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการสนับสนุนใด ๆ จากรัฐบาลแม้แต่น้อย
บริษัทมีแผนที่จะใช้เงินทุน 1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐเพื่อออกหุ้นใหม่ (ซึ่งราคาหุ้นได้ถล่มลงมากว่า 70% แล้วในปีนี้) รวมทั้งหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิอีก 3 พันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งจะเสริมด้วยสิทธิยึดหน่วงเรือของบริษัทด้วย
5. ราคาน้ำมันดิบทดสอบระดับ $20 อีกครั้ง, BP ลดรายจ่าย
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐเด้งขึ้นมาจากแนวรับที่ $20 ต่อบาร์เรลแต่ยังคงมีแรงกดดัน หลังจากการพูดคุยกันระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีรัสเซีย นายวลาดิมีร์ ปูติน กลับไม่นำไปสู่การใช้มาตรการใด ๆ เพิ่มเติมเพื่อรับมือกับภาวะอุปทานเกินในตลาดน้ำมัน
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐรายสัปดาห์จากสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) ที่รายงานออกมาเมื่อวานนี้ได้เผยตัวเลขที่สูงขึ้นถึง 10 ล้านบาร์เรล แสดงให้เห็นถึงปัญหาจากอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการจากภาครัฐจะประกาศออกมาในวันนี้เวลา 10:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1430 GMT)
ทางด้านบริษัท BP ได้ออกมาประกาศลดรายจ่ายลงถึง 25% สูงกว่าบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่รายอื่น ๆ ที่ได้ประกาศลดรายจ่าย 20% โดยความคืบหน้าครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ชี้ว่าการปรับลดการใช้งบประมาณเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ