โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- ห้าเรื่องที่คุณควรทราบเกี่ยวกับตลาดการเงินในวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์มีดังต่อไปนี้
1. จีนลดภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
จีนประกาศว่าจะลดภาษีศุลกากรรายปีสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 7.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เพื่อเป็นการตอบแทนหลังจากสหรัฐฯ ได้ปรับลดภาษีศุลกากรจีนตามที่ตกลงกันไว้เมื่อเดือนที่แล้ว
แม้ความคืบหน้าดังกล่าวกลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง ถั่วเหลือง และน้ำมันที่มีความเกี่ยวข้องกับข้อตกลงทางการค้า แต่ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการสงบศึกกันระหว่างทั้งสองฝ่ายและหนุนความคาดหวังว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะสิ้นสุดลงในปีนี้
รายงานข่าวดังกล่าวกลับได้รับความสนใจมากกว่าข่าวลือที่ระบุว่า รัฐบาลจีนอาจใช้การระบาดของไวรัสโคโรนาเพื่อเป็นข้ออ้างในการลดการสั่งซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ จากที่ได้ตกลงกันไว้เมื่อเดือนมกราคม
2. ตลาดทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น
เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับแรงหนุนจากการลดภาษีศุลกากรของจีน โดยดัชนีหลักของจีนส่วนใหญ่ปรับขึ้นระหว่าง 1.4% ถึง 2.8% ส่วนดัชนี Euro Stoxx 600 ก็ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนที่จะย่อตัวลงมาเล็กน้อย
ทว่าตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินตลาดใหม่กลับไม่ได้รับแรงหนุนมากเท่าไรนัก สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบย่อตัวลงหลังจากมีรายงานว่าจีนมีแผนที่จะลดการสั่งซื้อน้ำมันจากซาอุดิอาระเบียเนื่องมาจากอุปสงค์ภายในประเทศจีนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด
สัญญาซื้อขายทองแดงล่วงหน้า ก็เคลื่อนที่อยู่ในกรอบราคาแคบ ๆ ขณะที่ตลาด ทองคำ และ เงิน ทำผลงานได้ดีกว่าโลหะภาคอุตสาหกรรมอย่าง อลูมิเนียม และ นิคเกิล
3. มีรายงานว่าคณะสมาชิก OPEC+ แนะนำให้มีการลดกำลังการผลิตน้ำมันมากกว่าเดิม
กลุ่มโอเปกเตรียมลดกำลังการผลิตน้ำมันมากกว่าเดิมเพื่อฟื้นคืนภาวะสมดุลของตลาดน้ำมันที่มีอุปทานเกิน เนื่องด้วยผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
รายงานจาก Newswire ชี้ว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และประเทศพันธมิตรอย่างรัสเซียแนะนำว่า ควรจะมีการลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมในอัตรา 600,000 บาร์เรลต่อวัน ต่างจากตัวเลขที่ BP (LON:BP) คาดการณ์ไว้ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาอาจส่งผลต่อกำลังการผลิตน้ำมันในอัตราเฉลี่ย 400,000 บาร์เรลต่อวันตลอดทั้งปีนี้
ตลาดน้ำมันดิบมีปฏิกิริยาที่ค่อนข้างระมัดระวัง โดย สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ ปรับขึ้น 0.9% เท่ากับ $51.88 ต่อบาร์เรล ส่วน สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ขยับขึ้น 0.2% อยู่ที่ $55.38 ต่อบาร์เรล โดยทั้งสองสัญญาได้ย่อตัวลงมาจากระดับสูงสุดระหว่างวันเล็กน้อย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เตรียมเปิดตัวสูงขึ้นเล็กน้อยหลังจากทะยานขึ้นมาเมื่อวันพุธ ได้รับแรงหนุนจากขาขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศ
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1130 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow 30 ล่วงหน้า ปรับขึ้น 112 จุดหรือคิดเป็น 0.4% สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้า ก็ปรับขึ้นและสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าขยับขึ้น 0.3%
การรายงานผลประกอบการในวันนี้นำโดย Philip Morris (NYSE:PM) และ Bristol-Myers Squibb (NYSE:BMY) ตามมาด้วย Cigna (NYSE:CI), S&P Global (NYSE:SPGI), Estee Lauder (NYSE:EL) และ T-Mobile US ส่วน Uber และ Wynn Resorts จะรายงานหลังเวลาตลาดปิด
5. ลาการ์ดชี้ผลกระทบจากนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลาย
ประธานธนาคารกลางยุโรป นางคริสทีน ลาการ์ด ได้ชี้แจงกับสภาสหภาพยุโรปว่า ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำทำให้ธนาคารกลางยุโรปมี "พื้นที่ที่น้อยลง" ในการหนุนเศรษฐกิจด้วยนโยบายทางการเงิน
คำกล่าวของนางลาการ์ดเปลี่ยนแปลงไปจากทิศทางของนายมาริโอ ดรากี ซึ่งมักมีทัศนคติที่เอนเอียงไปทางนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายมากกว่าเดิมเสมอ แม้นักวิเคราะห์หลายท่านจะตั้งคำถามเกี่ยวกับผลลัพธ์อันน้อยนิดที่มาจากมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาก็ตาม
คำกล่าวของนางลาการ์ดตามมาหลังจาก ยอดคำสั่งซื้อจากโรงงานเยอรมนี ในเดือนธันวาคมออกมาลดลงเกินคาด 2.1% ทำให้อัตรารายปีติดลบ 8% และแสดงให้เห็นว่าภาพรวมทางการผลิตของฝั่งยูโรโซนยังคงไม่พลิกฟื้นขึ้นมาจากการชะลอตัว ส่วน เงินยูโร ยังคงติดอยู่ในกรอบราคา $1.1000