Investing.com — อัตราการผิดนัดชําระหนี้เงินกู้นักศึกษาในสหรัฐฯ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อรัฐบาลกลับมาดําเนินการเก็บหนี้ที่ผิดนัดชําระเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ ตามการวิเคราะห์จาก Capital Economics
แม้ว่าพัฒนาการนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อสถานะการเงินของครัวเรือนโดยรวม แต่โบรกเกอร์ดังกล่าวชี้ว่านี่เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลให้การเติบโตของการบริโภคชะลอตัวลงในปีนี้
Capital Economics ระบุว่า แม้ศาลฎีกาจะปฏิเสธแผนการยกเลิกหนี้เงินกู้นักศึกษาในวงกว้างของรัฐบาลไบเดน แต่ก็มีมาตรการบรรเทาทุกข์บางส่วนที่ได้ถูกนํามาใช้
โครงการ Fresh Start ได้คืนสิทธิเงินกู้ที่ผิดนัดชําระให้กลับมามีสถานะปัจจุบัน และยกเลิกยอดค้างชําระในอดีต
นอกจากนี้ แผนการประหยัดเพื่อการศึกษาที่มีคุณค่า (SAVE) ยังช่วยลดการชําระเงินสําหรับผู้กู้หลายล้านคนหลังจากที่มีการกลับมาชําระเงินในเดือนตุลาคม 2023 หลังจากที่มีการหยุดพักชั่วคราวในช่วงการระบาดใหญ่
หลังจากการกลับมาชําระเงินนี้ ได้มีระยะเวลาผ่อนผันหนึ่งปี ซึ่งในช่วงนี้ผลกระทบจากการไม่ชําระเงินคืนมีจํากัด
อย่างไรก็ตาม Capital Economics ระบุว่าระยะเวลาผ่อนผันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว และนโยบายก่อนการระบาดใหญ่ของรัฐบาลทรัมป์กําลังถูกนํากลับมาใช้อีกครั้ง
กระทรวงศึกษาธิการได้ยืนยันว่าจะกลับมาเก็บหนี้เงินกู้นักศึกษาที่ผิดนัดชําระอีกครั้ง ซึ่งอาจรวมถึงการดําเนินการต่างๆ เช่น การหักค่าจ้าง รวมถึงการระงับการคืนภาษีและสวัสดิการของรัฐบาลกลาง
แผน SAVE ซึ่ง Capital Economics อธิบายว่าทําหน้าที่เสมือนเป็น "การยกเลิกหนี้เงินกู้นักศึกษาแบบลับๆ" กําลังเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
ในขณะที่ผู้ที่ลงทะเบียนในแผน SAVE ปัจจุบันไม่จําเป็นต้องชําระเงิน Capital Economics ระบุว่าพรรครีพับลิกันคาดว่าจะคัดค้านและอาจยกเลิกโครงการนี้
ในแง่ของสุขภาพด้านเครดิต ผู้กู้ที่ได้รับผลกระทบกําลังเห็นคะแนนเครดิตของพวกเขาลดลงเล็กน้อยหลังจากการค้างชําระ
อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ระบุว่าแม้แต่การเสื่อมสภาพนี้ก็ไม่ได้นําไปสู่การผิดนัดชําระเพิ่มขึ้นในส่วนอื่นๆ ของการกู้ยืมของครัวเรือน
สิ่งนี้ยิ่งสนับสนุนมุมมองที่ว่าระบบการเงินในวงกว้างยังคงได้รับการปกป้องจากผลกระทบของความเครียดจากเงินกู้นักศึกษา
ในแง่ของเศรษฐกิจมหภาค ผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ คาดว่าจะมีน้อย
โครงสร้างของระบบเงินกู้นักศึกษา ร่วมกับมาตรการบรรเทาทุกข์ที่มีเป้าหมาย เช่น แผนการชําระคืนตามรายได้ กําลังช่วยบรรเทาผลกระทบ
ในขณะที่ครัวเรือนแต่ละครัวเรือนอาจประสบความยากลําบาก แต่ผลกระทบโดยรวมต่อการบริโภคและตลาดการเงินดูเหมือนจะมีน้อย
บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน