เหรียญมีมก็อปปี้อย่าง Shiba Inu (SHIB) ได้กลายเป็นโทเคนที่มีการใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับ 3 บนเครือข่าย Ethereum ซึ่งเป็นรองเพียง USDT และ USDC เท่านั้น โดยอ้างอิงข้อมูลจาก Etherscan ในวันที่ 20 ธันวาคมที่แสดงข้อมูลของจำนวนผู้ใช้งานใน 7 วันที่ผ่านมา โดยมีผู้ใช้งานไม่ซ้ำกันมากกว่า 78,089 ราย ซึ่งน้อยกว่า USDT และ USDC ที่ 485,935 และ 232,311 ตามลำดับ ทั้งนี้การใช้งานที่สูงนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพทางการตลาดของ SHIB ซึ่งตรงข้ามกับจำนวนผู้ใช้งานในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา SHIB เตรีมตัวเปิด layer-2 มูลค่าที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของ SHIB กลายเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วซึ่งคล้ายกับคู่แข่งตลอดกาลของโทเคนอย่าง DOGE ที่มีการเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แม้ว่าหลายคนจะเรียกโทเคนทั้งคู่ว่า “ตัวตลก” แต่คำเหล่านี้ได้หายไปเมื่อโทเคนทั้งสองนำผลตอบแทนจำนวนมากคืนกลับสู่นักลงทุน แม้ว่าจะยังไม่มีกรณีใช้งานอย่างแท้จริงก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้ Shiba Inu ได้สำรวจและรวมกรณีใช้งานของโทเคนเพื่อที่จะก้าวหน้าและมีค่ามากกว่าสิ่งที่หลายคนเรียกว่าโทเคนมีม โดยหนึ่งในนักพัฒนาโทเคนได้ประกาศว่าจะมีการเปิดตัวโซลูชัน layer-2 ที่ชื่อว่า Shibarium ในไม่ช้านี้โดยได้รับข้อเสนอจากผู้สร้าง SHIB Ryoshi ทั้งนี้โซลูชันดังกล่าวจะช่วยให้สามารถทำธุรกรรมผ่าน SHIB โดยไม่ต้องอาศัยค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูงเกินไปของ Ethereum เพื่อตอบโจทย์ GameFi ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน อนาคตของเหรียญมีม SHIB ถูกเรียกว่า “Dogecoin killer” และอาจมีโอกาสในการพัฒนาใหม่จากทีมงานที่น่าสนใจกว่า DOGE ตามการสำรวจกรณีการใช้งานที่ผ่านมา Elon Musk CEO ของ Tesla (NASDAQ:TSLA) ได้ประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนว่าบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจะยอมรับ DOGE เพื่อชำระค่าสินค้าทำให้นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับเหรียญหมามีมที่ใหญ่ที่สุดตามมูลค่าราคาตลาด ในช่วงเวลาเดียวกัน นักพัฒนา DOGE ได้สร้าง NFT แรกบนบล็อกเชน Dogecoin อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งอาจเป็นประเด็นสำคัญที่มุ่งไปสู่การพัฒนาที่สำคัญในอนาคต อย่างไรก็ตามในขณะที่เหรียญมีมต่างพัฒนาเทคโนโลยีและนำเสนอนิ่งใหม่ในโลกปัจจุบัน สถานะของพวกเขาอาจเปลี่ยนจาก crypto ที่เป็นตัวแทนของทรัพย์สินสุนัขน่ารักกลายเป็นโทเคนที่มีมูลค่าที่แท้จริงในอนาคตอันใกล้ก็เป็นได้
กดอ่านข่าว Shiba Inu กลายโทเคนที่การใช้งานมากที่สุดเป็นอันดับ 3 บนเครือข่าย Ethereum ใน 7 วันที่ผ่านมา ต่อที่ Siam Blockchain