ระบบใหม่ของ Adobe ที่เรียกว่า ‘Content Credentials’ จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใส่ข้อมูล Meta ลงในผลงานของตนได้ เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องการบิดเบือนข้อมูล โดยสามารถแสดงข้อมูลอัตลักษณ์ของตนได้ รวมถึงประวัติการแก้ไข ซึ่งจะช่วยให้ครีเอเตอร์ได้รับเครดิตจากผลงาน พร้อมเชื่อมต่อกับตลาด NFT เพื่อให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้จากผลงานได้ทันที ผู้สร้าง NFT จะสามารถใส่ที่อยู่ Address สกุลเงินดิจิทัลของตนลงในข้อมูล Meta บนรูปภาพได้ จากนั้นผู้ซื้อจะสามารถตรวจสอบได้ว่าที่อยู่ที่สร้าง NFT นั้นตรงที่อยู่ที่มีการ Mint NFT หรือไม่ ? หากที่อยู่แตกต่างกัน รูปภาพนี้อาจถูกประเมินเบื้องต้นว่าเป็นภาพเลียนแบบ ความพยายามนี้เป็นส่วนหนึ่งของความคิดริเริ่มที่ดำเนินการมาเป็นเวลากว่าสองปีที่เรียกว่า Content Authenticity Initiative (CAI) ซึ่งนำทีมโดย Adobe และสมาชิกที่สำคัญหลายคนรวมถึง BBC, Microsoft และ Nikon ฟีเจอร์ใหม่จะพร้อมใช้งานใน Photoshop และอื่น ๆ อีกมากมาย Content Credential จะได้รับการสนับสนุนในแอปพลิเคชันต่างๆ ของ Adobe รวมถึงโปรแกรมตกแต่งภาพยอดนิยมอย่าง Photoshop ตามรายงานฟีเจอร์นี้จะพร้อมใช้งานในตัวเลือกที่มีชื่อว่า “prepare as NFT” สำหรับฟีเจอร์ Beta ชุดต่อไปของแอป ฟีเจอร์ที่เกี่ยวข้องนี้จะพร้อมใช้งานบนแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลมีเดียของ Adobe “Behance” และแพลตฟอร์มเจ้าของภาพถ่ายอย่าง “Stock” ในส่วนของตลาดกลาง มีที่ได้ร่วมมือกับ Adobe เพื่อสนับสนุนฟีเจอร์นี้คือ Rarible, KnownOrigin, OpenSea และ SuperRare ผู้บริหาร Adobe กล่าวยกย่อง NFT ในระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Verge สัปดาห์นี้ นาย Scott Belsky ผู้บริหารของ Adobe ได้กล่าวถึงศักยภาพของ NFT ว่าเขา “ไม่เคยเห็นระบบที่มีพลังและมีความสอดคล้องกันสำหรับความคิดสร้างสรรค์ได้ดีเท่ากับ NFT มาก่อน อย่างไรก็ตาม Belsky แสดงความกังวลถึงตลาด NFT ที่อาจมีชะลอการเติบโตลดลง “อันที่จริงในความคิดเห็นของผมตลาดแห่งนี้มีโอกาสที่จะพังทลายก่อนที่จะบูม”
กดอ่านข่าว Adobe เตรียมนำเสนอเครื่องมือตรวจสอบ NFT บน Photoshop ต่อที่ Siam Blockchain