Investing.com - ห้าสิ่งที่คุณควรรู้เพื่อเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้
1. การตอบโต้เอาคืนในสงครามทางการค้า
จีนได้ออกมาประกาศเมื่อวันเสาร์ว่า จีนไม่เห็นด้วยอย่างมากกับการตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรจีนเพิ่มอีกเป็นมูลค่า 5.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และเตือนว่าสหรัฐฯ จะต้องได้รับกับผลกระทบอย่างแน่นอนหากสหรัฐฯ ไม่ยอมยุติ "การกระทำที่ผิด ๆ"
คำพูดดังกล่าวตามมาหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 5.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มอีก 5%
ทรัมป์เริ่มเชื่อมโยงความขัดแย้งของเขากับจีนและเฟดเข้าด้วยกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยการทวีตว่าเฟดไม่ยอมให้ความช่วยเหลือด้วยการปรับนโยบายทางการเงินให้ผ่อนคลายลงเลย แถมยังตั้งคำถามด้วยว่า "ใครเป็นศัตรูตัวจริงกันแน่" ระหว่างประธานาธิบดีจีน นายสี จิ้นผิง หรือประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์
2. การประชุม G7
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล มาครง จะเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุม G7 ในวันที่ 24-27 สิงหาคมนี้ที่กรุงเบียร์ริตซ์ โดยเขาได้หยิบยกประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกมาเป็นประเด็นหลักในการประชุมนี้ด้วย แต่สำหรับหัวข้อการประชุมนี้และหัวข้ออื่น ๆ แล้ว ทรัมป์มีจุดยืนที่แตกต่างจากผู้นำคนอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง เห็นได้จากที่ทรัมป์เป็นผู้จุดชนวนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรปและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นผู้เสนอให้มีการเชิญประเทศรัสเซียกลับเข้ามาในการประชุม G7 ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากสมาชิกประเทศอื่น ๆ อีกด้วย
การที่มาครงเรียกเก็บภาษีรายการใหม่กับบริษัทสหรัฐฯ ได้ทำให้ทรัมป์ขุ่นเคือง และจึงข่มขู่ว่าจะตอบโต้เอาคืนด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าประเภทไวน์จากฝรั่งเศสเช่นกัน
อีกประเด็นหนึ่งที่ผู้ลงทุนต่างจับตาคือจะมีการกล่าวถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจใด ๆ ในไตรมาสนี้หรือไม่ โดยเฉพาะในเยอรมนีที่นางอังเกลา แมร์เกิล ยังคงลังเลไม่นำแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้
3. ข้อมูลทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐฯ ครั้งที่สองจะประกาศออกมาในวันพฤหัสบดี ซึ่งตัวเลขคาดการณ์เบื้องต้นชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่สองมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ ชะลอตัวลงจาก 3.1% ในไตรมาสแรก
และในวันนี้จะมีการประกาศ ซึ่งตลาดจะได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจการภาคการผลิตและรายจ่ายเพื่อการลงทุน ส่วนวันพฤหัสบดีจะมีการรายงาน อีกทั้ง , และ อันเป็นตัวเลขชี้วัดอัตราเงินเฟ้อสำคัญที่เฟดมักใช้อ้างอิงอีกด้วย
4. อัตราเงินเฟ้อในฝั่งยูโรโซน
ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจ {{ecl-132||Ifo}} ของเยอรมนีจะเป็นที่น่าจับตาอย่างมาก ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจเยอรมนีมีแนวโน้มที่จะทรุดตัวลงสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไตรมาสที่สาม
ตัวเลข เบื้องต้นที่จะมีการรายงานในปลายสัปดาห์นี้ จะช่วยบ่งบอกถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการใด ๆ เพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการเติบโตด้านราคา โดยตัวเลขล่าสุดนับตั้งแต่การประชุมธนาคารกลางยุโรปนั้นยังอ่อนแออย่างมาก และธนาคารกลางยุโรปเองก็ได้เน้นย้ำไว้เมื่อการประชุมวันที่ 25 กรกฎาคมแล้วว่า ธนาคารกลางกำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมตัวเพื่อให้การสนับสนุน
ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแอน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการพิจารณาปรับอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายของ ECB อันจะปูทางไปสู่การใช้แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ได้
5. ผลประกอบการบริษัทผู้ค้าปลีก
ในสัปดาห์นี้ผู้ลงทุนจะได้ทราบข้อมูลผลประกอบการรายไตรมาสจากทั้งบริษัทผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ Best Buy (NYSE:) และบริษัทผู้ค้าปลีกสินค้าลดราคา Dollar Tree (NASDAQ:)
ยอดค้าปลีกและผลประกอบการบริษัทผู้ค้าปลีกที่แข็งแกร่งถือเป็นจุดแข็งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเดือนนี้ อีกทั้งยังช่วยผ่อนคลายความกังวลต่อแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และสัญญาณที่บ่งบอกถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกอีกด้วย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาหุ้นของ Target (NYSE:) ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ภายหลังจากผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองออกมาดีกว่าผลคาดการณ์ แต่ทางด้าน Home Depot (NYSE:) กลับออกมาเตือนตลาดว่ายอดขายของบริษัทอาจจะชะลอตัวลงเนื่องจากผลกระทบด้านภาษีจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่อาจเกิดขึ้น
--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์