รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

5 เหตุการณ์สำคัญ ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (26-30 ส.ค.)

เผยแพร่ 25/08/2562 16:37
อัพเดท 26/08/2562 09:28
© Reuters.

Investing.com - ห้าสิ่งที่คุณควรรู้เพื่อเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้

1. การตอบโต้เอาคืนในสงครามทางการค้า

จีนได้ออกมาประกาศเมื่อวันเสาร์ว่า จีนไม่เห็นด้วยอย่างมากกับการตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรจีนเพิ่มอีกเป็นมูลค่า 5.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และเตือนว่าสหรัฐฯ จะต้องได้รับกับผลกระทบอย่างแน่นอนหากสหรัฐฯ ไม่ยอมยุติ "การกระทำที่ผิด ๆ"

คำพูดดังกล่าวตามมาหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 5.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มอีก 5%

ทรัมป์เริ่มเชื่อมโยงความขัดแย้งของเขากับจีนและเฟดเข้าด้วยกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยการทวีตว่าเฟดไม่ยอมให้ความช่วยเหลือด้วยการปรับนโยบายทางการเงินให้ผ่อนคลายลงเลย แถมยังตั้งคำถามด้วยว่า "ใครเป็นศัตรูตัวจริงกันแน่" ระหว่างประธานาธิบดีจีน นายสี จิ้นผิง หรือประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์

2. การประชุม G7

ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายเอ็มมานูเอล มาครง จะเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุม G7 ในวันที่ 24-27 สิงหาคมนี้ที่กรุงเบียร์ริตซ์ โดยเขาได้หยิบยกประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกมาเป็นประเด็นหลักในการประชุมนี้ด้วย แต่สำหรับหัวข้อการประชุมนี้และหัวข้ออื่น ๆ แล้ว ทรัมป์มีจุดยืนที่แตกต่างจากผู้นำคนอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง เห็นได้จากที่ทรัมป์เป็นผู้จุดชนวนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรปและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นผู้เสนอให้มีการเชิญประเทศรัสเซียกลับเข้ามาในการประชุม G7 ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากสมาชิกประเทศอื่น ๆ อีกด้วย

การที่มาครงเรียกเก็บภาษีรายการใหม่กับบริษัทสหรัฐฯ ได้ทำให้ทรัมป์ขุ่นเคือง และจึงข่มขู่ว่าจะตอบโต้เอาคืนด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าประเภทไวน์จากฝรั่งเศสเช่นกัน

อีกประเด็นหนึ่งที่ผู้ลงทุนต่างจับตาคือจะมีการกล่าวถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจใด ๆ ในไตรมาสนี้หรือไม่ โดยเฉพาะในเยอรมนีที่นางอังเกลา แมร์เกิล ยังคงลังเลไม่นำแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้

3. ข้อมูลทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐฯ ครั้งที่สองจะประกาศออกมาในวันพฤหัสบดี ซึ่งตัวเลขคาดการณ์เบื้องต้นชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่สองมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 2.1% ชะลอตัวลงจาก 3.1% ในไตรมาสแรก

และในวันนี้จะมีการประกาศ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ซึ่งตลาดจะได้ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจการภาคการผลิตและรายจ่ายเพื่อการลงทุน ส่วนวันพฤหัสบดีจะมีการรายงาน ตัวเลขดุลการค้า อีกทั้ง ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค, ยอดรอขายบ้าน และ ดัชนีราคา PCE อันเป็นตัวเลขชี้วัดอัตราเงินเฟ้อสำคัญที่เฟดมักใช้อ้างอิงอีกด้วย

4. อัตราเงินเฟ้อในฝั่งยูโรโซน

ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจ {{ecl-132||Ifo}} ของเยอรมนีจะเป็นที่น่าจับตาอย่างมาก ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจเยอรมนีมีแนวโน้มที่จะทรุดตัวลงสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในไตรมาสที่สาม

ตัวเลข อัตราเงินเฟ้อ เบื้องต้นที่จะมีการรายงานในปลายสัปดาห์นี้ จะช่วยบ่งบอกถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการใด ๆ เพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นการเติบโตด้านราคา โดยตัวเลขล่าสุดนับตั้งแต่การประชุมธนาคารกลางยุโรปนั้นยังอ่อนแออย่างมาก และธนาคารกลางยุโรปเองก็ได้เน้นย้ำไว้เมื่อการประชุมวันที่ 25 กรกฎาคมแล้วว่า ธนาคารกลางกำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมตัวเพื่อให้การสนับสนุน

ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่อ่อนแอน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดการพิจารณาปรับอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายของ ECB อันจะปูทางไปสู่การใช้แผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ได้

5. ผลประกอบการบริษัทผู้ค้าปลีก

ในสัปดาห์นี้ผู้ลงทุนจะได้ทราบข้อมูลผลประกอบการรายไตรมาสจากทั้งบริษัทผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ Best Buy (NYSE:BBY) และบริษัทผู้ค้าปลีกสินค้าลดราคา Dollar Tree (NASDAQ:DLTR)

ยอดค้าปลีกและผลประกอบการบริษัทผู้ค้าปลีกที่แข็งแกร่งถือเป็นจุดแข็งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในเดือนนี้ อีกทั้งยังช่วยผ่อนคลายความกังวลต่อแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และสัญญาณที่บ่งบอกถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลกอีกด้วย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ราคาหุ้นของ Target (NYSE:TGT) ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ภายหลังจากผลประกอบการประจำไตรมาสที่สองออกมาดีกว่าผลคาดการณ์ แต่ทางด้าน Home Depot (NYSE:HD) กลับออกมาเตือนตลาดว่ายอดขายของบริษัทอาจจะชะลอตัวลงเนื่องจากผลกระทบด้านภาษีจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่อาจเกิดขึ้น

--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์

ความคิดเห็นล่าสุด

Ok up
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย