โดย Jan Strupczewski และ Balazs Koranyi
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อฝั่งยูโรโซนในเดือนที่แล้วติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2016 เพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางยุโรปจะต้องเร่งใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ที่ต่ำกว่าเป้าหมายมานานกว่า 7 ปี
อัตราเงินเฟ้อในประเทศสมาชิกทั้ง 19 ประเทศเดือนสิงหาคมลดลงจนติดลบ 0.2% จากเดือนกรกฎาคม 0.4% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการ์ณไว้ 0.2% และต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรปที่กำหนดไว้ 2%
อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงชี้ให้เห็นว่าการชะลอตัวลงทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงแรงกดดันระยะสั้น แต่อาจเป็นปัญหาราคาผู้บริโภคที่เรื้อรังและยืดเยื้อต่อไปอีกเป็นเวลานานอีกด้วย
อัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาสินค้าพลังงานและอาหาร ลดลงเหลือ 0.6% จาก 1.3% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมสินค้าแอลกอฮอล์และยาสูบก็ลดลงเหลือ 0.4% จาก 1.2% ซึ่งทั้งสองตัวเลขต่างก็ออกมาต่ำกว่าผลคาดการณ์
Frederik Ducrozet นักวางแผนกลยุทธ์ตลาดจาก Pictet Wealth Management ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า "ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาวะเงินฝืดท่ามกลางวิกฤตได้ อย่างน้อยก็ในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้า"
"เรายังคงเชื่อว่าในที่สุด ECB ก็จะเพิ่มวงเงินการซื้อสินทรัพย์ฉุกเฉินอีกครั้ง ซึ่งน่าจะเพิ่มขึ้นอีก 5 แสนล้านยูโรในเดือนธันวาคมนี้"