โดย Detchana.K
Investing.com - บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส ( APS ) ได้จัดทำรายงานภาพรวมการลงทุนประจำเดือนกรกฎาคม โดยระบุว่าผลกระทบ COVID- ส่งผลกระทบทัวโลกผ่านไปถึงภาคเศรษฐกิจต่างๆ อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ กดดันเครืองยนต์ทางเศรษฐกิจของไทยรอบด้าน ทังการค้าระหว่างประเทศ, การนําเข้า, และการบริโภคในประเทศทีลดลง เหลือแรงขับเคลือนเพียงการใช้การใช้จ่ายภาครัฐ ที่ยังมีอยู่ ทําให้ APS คาดมี Downside ต่อประมาณการ GDP โดยปรับลด GDP ปี 2563 เป็นหดตัว 7.8-8.4%
ส่วนแนวโน้ม Fund Flow เดือน ก.ค.ยังไม่เห็นสัญญาณการไหลกลับ จากหลายปัจจัยกดดัน อาทิ ความกังวลการแพร่ระบาด Wave 2 ของ COVID-19, ตลาดหุ้นไทยมี PER63F สูงเกิน 20 เท่าซึงแพงกว่าตลาดหุ้น อื่นๆ ขณะที่ แนวโน้ม การเติบโต EPS Growth 63F ของไทยลดลง 2.75 %yoy ซึงถือว่าต่ำสุดในภูมิภาค แสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยมีเสน่ห์น่าลงทุนน้อยกว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ทําให้นักลงทุนต่างชาติอาจชะลอการเข้ามาลงทุนในไทยไปอีกระยะหนึง ขณะทีตลาดยังคงต้องพึงพิง Fund Flow จากนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นไทย ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับประมาณการกําไรลงอีก เนื่องจากหากพิจารณาภาพรวมกําไรบริษัทจดทะเบียนครึงปีแรก พบว่ากําไรงวด 1Q63 อยู่ที 1.06 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15% ของประมาณการกําไรทั้งปี2563
ส่วนกําไรงวด 2Q63 แม้อาจจะไม่ได้ลดลง QoQ แต่ลดลง YoYแสดงว่ามีสัดส่วนไม่ถึง 25% ของประมาณการกําไรทั้งปี เมือนําทั้งส่วนมารวมกัน จะเห็นว่าช่วงครึงปีแรกบริษัทจดทะเบียนอาจทํากําไรได้เพียง 30-40 % ของประมาณการปี 2563 ทีฝ่ายวิจัยประเมิน 6.88 แสนล้านบาท (EPS63F เท่ากับ64 บาท/หุ้น) ส่งผลให้ช่วงทีเหลือของปี บริษัทจดทะเบียนจะต้องทํากําไรเกินกว่ า 60-70 % ของประมาณการ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งทีท้าทายพอสมควร
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในเดือน ก.ค.มุ่งเป้าไปที่การค้นหาหุ้นทีสามารถเอาชนะผลกระทบจากประเด็น COVID-19 ได้ทั้งในมุมราคาหุ้น ที Outperform ตลาดได้ดี ในตอนท่ตลาดเผชิญ กับCOVID- ระบาดในระยะที่ 1 รวมถึง ความสามารถในการปรับตัว และการทํากําไรที่โดดเด่นกว่าบริษัทอื่นๆในปี ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ BGRIM, CPF, CPALL (BK:CPALL), INTUCH และ หุ้นเล็ก INSET, SEAFCO ส่วนหุ้นทีเกินมูลค่าพื้นฐาน อย่าง AOT (BK:AOT) และ KCE ควรซื้อขายด้วยความระมัดระวัง
ที่มา : บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส