นักวิเคราะห์ชื่อดังจาก Coin Bureau ได้ให้ความกระจ่างว่าทำไม หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินชั้นนำของสหรัฐฯ ถึงพุ่งเป้าไปที่ Ripple (ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย) และสินทรัพย์ดิจิทัล XRP ในเดือนธันวาคม 2020 ก.ล.ต. ของสหรัฐอเมริกา (SEC) ได้เรียกเก็บเงินจากบริษัทสตาร์ทอัพ Ripple และผู้บริหารสองคน คือนาย Chris Larsen ผู้ร่วมก่อตั้ง และ นาย Brad Garlinghouse CEO ของบริษัท ในการดำเนินการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ ผ่านเหรียญ XRP โดยบริษัท Ripple ปฏิเสธการฟ้องร้องอย่างรุนแรง โดยนาย Garlinghouse ได้ออกมาพูดตั้งแต่แรกว่า Ripple ตกเป็นเป้าของหน่วยงานกำกับดูแลอย่างไม่เป็นธรรม ใน Youtube ช่อง Coin Bureau ผู้ที่ใช้นามแฝงว่า “Guy” ได้บอกกับผู้ชมว่า Cryptocurrency อื่น ๆ ในตลาด มีโปรไฟล์คล้ายกับเหรียญ XRP และเขายังพูดว่า สำนักงาน ก.ล.ต. พุ่งเป้าไปที่บริษัทRipple เนื่องจากบริษัทตั้งอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งต่างกับ Crytocurrency อื่นๆที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศ โดยนาย Guy ได้พูดว่า “สิ่งนี้ทำให้ ก.ล.ต. ดำเนินการได้ง่ายขึ้นมาก เมื่อเทียบกับโปรเจค Crypto ขนาดใหญ่อื่น ๆ ที่ตั้งอยู่ในประเทศอื่น ประเด็นก็คือ ดูเหมือนว่าสำนักงาน ก.ล.ต. จะทำตามที่เราได้เห็นกัน โดยมีคดีความที่น่าประหลาดใจกับ Terra และโปรโตคอล Mirror เมื่อปลายปีที่แล้ว และทาง ก.ล.ต. ก็ได้เพ่งเล็งบริษัท Crypto ในต่างประเทศในอดีตที่ผ่านมาเช่นกัน” นาย Guy ยังอ้างอีกว่าสำนักงาน ก.ล.ต. กำลังมองหา “ข้อตกลงขนาดใหญ่” จากคดีความ เพื่อสร้างหัวข้อใหม่ๆ และขยายทางเลือกด้านกฎระเบียบ และเขาตั้งข้อสังเกตว่า Ripple
กดอ่านข่าว อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ ก.ล.ต. สหรัฐฯ เพ่งเล็ง Ripple และ XRP เป็นพิเศษ ต่อที่ Siam Blockchain