ด้านหนึ่ง Ripple กำลังต่อสู้กับสำนักงาน ก.ล.ต. ของสหรัฐอเมริกาในศาล ในอีกด้านหนึ่ง ผู้ถือเหรียญ XRP ก็กำลังทำการฟ้องร้องด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การฟ้องร้องดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นการฟ้องต่อหน่วยงานรัฐใด ๆ แต่เป็น Apple (NASDAQ:AAPL) Inc. โดยอ้างอิงจากเอกสารในการยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางในรัฐแมรี่แลนด์ โจทก์ได้ออกมากล่าวว่า Apple ได้อนุญาตให้แฮกเกอร์ขโมยทรัพย์สินคริปโตของตน จากกรณีเดียวกันนี้ ผู้ใช้ crypto จำนวนมากประสบกับความสูญเสียอย่างหนักหลังจากดาวน์โหลดแอปพลิเคชันบน App Store ชื่อ “Toast Plus” สิ่งนี้ผลักดันให้ Hadona Diep ผู้อาศัยในรัฐแมรี่แลนด์ต้องทำการยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาล เธออ้างว่า Apple อนุญาตให้แอปพลิเคชั่นทำการ “ฟิชชิ่ง” ด้วยการปลอมแปลงเป็นกระเป๋าคริปโตของปลอมบน App Store และทำให้ผู้ใช้ Apple หลายคนสับสนระหว่างของจริงและของปลอม ก่อนที่จะทำการดาวน์โหลดและติดตั้งแอพปลอม และถูกนักแฮ็คขโมยเหรียญของพวกเขาได้ในท้ายสุด โจทก์กล่าวต่อไปว่า Apple ต้องรับผิดชอบ “โดยตรงและ / หรือทางอ้อม” เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่เผยแพร่บนร้านค้าออนไลน์ของตนได้ โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าทางบริษัทสามารถควบคุม App Store ได้ในแบบเบ็ดเสร็จ ในขณะเดียวกันก็อนุญาตให้นักพัฒนาวางขายแอพของตนลงใน App Store และหักส่วนแบ่งจากรายได้ถึง 30% “ App Store ที่ผูกขาดจึงสร้างรายได้หลายหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับ Apple โดย Apple เรียกเก็บส่วนแบ่ง 30% ของรายได้ทั้งหมดที่เกิดจากแอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดผ่าน App Store ไม่ว่าจะด้วยค่าแอพ, การ Subscribe หรือแม้กระทั่ง In-app purchase” ในขณะเดียวกัน Toast Plus ไม่ใช่แอปพลิเคชันจริง แต่เป็น “สื่อกลางในการฉ้อโกง” เมื่อเร็ว ๆ นี้ Apple ได้จบคดีฟ้องร้องอีกคดีหนึ่งกับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในสหรัฐอเมริกาที่ทำการยื่นฟ้องพวกเขา โดย Apple สัญญาว่าจะออกเงื่อนไขที่ดีกว่าสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์บน iPhone แม้ว่า Apple จะอ้างว่า App Store เป็น “สถานที่ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือที่สุดสำหรับผู้ใช้ในการรับแอพ”
กดอ่านข่าว ผู้ใช้ XRP รวมตัวกันยื่นฟ้อง Apple หลังเจอแอพปลอมบน App Store ที่ขโมยเหรียญของเหยื่อ ต่อที่ Siam Blockchain