โดย วณิชชา สุมานัส
Investing.com - เช้าตรู่ของวันนี้ (13 กันยายน) ที่เวลา 4.44 น. ตามเวลาในประเทศไทย มีการอัพเกรดครั้งใหญ่ของ “Alonzo Hard Fork” สำหรับบล็อกเชน Cardano เพื่อเติมเต็มศักยภาพในของบล็อกเชนเองโดยการเพิ่ม “Smart Contract” เข้ามาในระบบด้วยวิธีอัพเกรด ซึ่งเครือข่ายไม่เคยมี Smart Contract มาก่อน
ทั้งนี้ การเพิ่ม Smart Contract เข้ามาใน Cardano จะช่วยให้เครือข่ายสามารถรองรับเทคโนโลยีอื่น ๆ ในอนาคต เช่น DeFi, NFT รวมถึงการใช้ Smart Contract ในการทำธุรกรรมอื่น ๆ ด้วย
จากดัชนีสกุลเงินคริปโตของ Investing.com พบว่า เมื่อเวลา 8.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ราคา Cardano (ADA) แตะ 2.55 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ลดลง 0.0084 เหรียญ หรือ 0.33% โดยมีอุปาทานหมุนเวียน 32.04 พันล้าน และอุปทานสูงสุดที่ 45.00 พันล้าน มูลค่าตลาดอยู่ที่ 82.34 พันล้านดอลลาร์ โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการซื้อขายกันที่ 8.03 พันล้านดอลลาร์ มีปริมาณการซื้อขาย 7.48% ราคาเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 0.08% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และลดลง 12.57% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
สำหรับวันนี้ ราคาของ ADA เคยแต่จุดสูงสุดที่ 3.06 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ในวันที่ 2 กันยายน เวลา 9.00 น. ที่ผ่านมา ADA นับเป็น 1 ใน 3 เหรียญ Altcoin ที่มีมูลค่าการตลาดสูงมาก และสามารถทำราคาสูงกว่าตลาดขาขึ้นช่วงเดือนพฤษภาคม โดยมีเหรียญ Altcoin อื่น ๆ ทำได้ เช่นกัน เช่น SOL และ LUNA
เรื่องราคาที่ลดลงเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ ซึ่งหากเทียบกับคู่แข่ง Altcoins ยักษ์ใหญ่ เช่น Ethereum ที่มีการอัพเกรด Hard Fork ในช่วงกลางเดือนสิงหาคม พบว่า ราคา Ethereum ร่วงลงไปประมาณครึ่งชั่วโมง แต่จากนั้น ราคาก็พุ่งสูงขึ้น
Alonzo Hard Fork คืออะไร
Alonzo Hard Fork คือการอัพเกรดโปรโตคอลครั้งใหญ่ของเครือข่าย Cardano Blockchain ที่เป็นเครือข่ายของเหรียญ ADA ซึ่งในมุมของผู้ใช้งานจะมองว่า เป็นการอัพเกรดเพื่อเพิ่มระบบ Smart Contract เข้าไปในเครือข่าย Cardano ที่ผ่านมา มีการทดสอบบนเครือข่าย Testnet ซึ่งทำกันเป็น 3 เฟสหลัก ๆ ได้แก่ เฟส Alonzo Blue ซึ่งเป็นช่วงทดสอบการใช้งาน Smart Contract อย่างง่ายโดยนักเทคนิค และเฟสถัดมาคือ Alonze White ซึ่งเป็นช่วงเพิ่มความซับซ้อนให้กับระบบและทดสอบโดยนักเทคนิค และ Alonzo Purple ซึ่งล่าสุด ที่มีการทดสอบการใช้งานจริง ผ่านเครือข่ายทดสอบที่เปิดเป็นสาธารณะ (Public Testnet) เพื่อให้มีผู้เข้าร่วมทดสอบระบบมากขึ้น
ซึ่งหลังจากผ่านช่วงเฟสต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว ก็จะเข้าสู่การทำ Hard Fork เครือข่ายหลักหรือ Mainnet ให้ได้ลองใช้เขียน Smart Contract รวมถึง การแก้ไขบักส์ต่าง ๆ จนกว่าระบบจะเสถียร เพื่อให้ต่อยอดไปยังยุคถัดไปที่ชื่อว่า Basho เพื่อยกระดับความสามารถในการขยายขนาดเครือข่ายเพื่อรับรองธุรกรรมที่สูงขึ้นไปอีก
Cardano กับยุคทั้ง 5 และอนาคตของ Cardano
คนเล่นเหรียญ Cardano อาจพอจะทราบว่า ปัจจุบัน Cardano อยู่ในยุค Goguen หรือยุค Smart Contract ซึ่งเป็นการเน้นระบบ Smart Contract เข้ามาใช้ เป็นก้าวสำคัญของ Cardano รวมไปถึงความสามารถในการสร้าง dApps ซึ่งเป็นแปพลิเคชันแบบ Decentralized ด้วย
ก่อนหน้า Cardano ผ่านมาแล้ว 2 ยุค คือ Bylon ซึ่งเป็นยุควางรากฐานบุกเบิกเครือข่าย Cardano ต่อมาเป็นยุคของ Shelly ซึ่งเป็นยุคกระจายอำนาจ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น Decentralized จากยุค Bylon และปัจจุบันเป็น Goguen
อนาคตของ Cardano ถูกว่างไว้ว่าจะต้องเดินทางเข้าไปอีก 2 ยุคคือ Basho เป็นยุคแห่งการ Scaling เพื่อขยายเครือข่าย และยุคสุดท้ายในอนาคตคือยุค Voltaire เป็นยุคสุดท้ายของ Cardano ซึ่งในยุคนี้จะทำให้เครือข่ายมีความสามารถในการพึ่งพาตัวเองได้ โดยเน้นให้ผู้ใช้งานมีสิทธิ์กำหนดอนาคตของเครือข่ายเองได้ ไม่ต้องพึ่งผู้พัฒนาอีกต่อไป
หลังอัพเกรด “Alonzo Hard Fork” ใครได้รับผลกระทบบ้าง
หลังจาก Cardano ทำการอัพเกรด “Alonzo Hard Fork” แล้ว ก็เป็นผลดีของทุกฝ่ายที่อยู่ในโลกของ Cardano ซึ่งแตกต่างจากการอัพเกรด London Hard Fork ของ Ethereum ก่อนหน้าครั้งล่าสุด ซึ่งแน่นอน ในครั้งนั้น ส่งผลเสียต่อนักขุดเหรียญ Ethereum เป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ราคา Ethereum เคยพุ่งไปแตะ 3,300 ดอลลาร์ หลังร่วงลงช่วงทำ “Hard Fork”
นอกจากนี้ เทรดเดอร์ของ ADA มีแนวโน้มที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากการอัพเกรดในครั้งนี้ อาจจะมีแค่ช่วงราคาเหรียญลดลงบ้างเล็กน้อย แต่เนื่องจากการอัพเกรด “Alonzo Hard Fork” ครั้งนี้เป็นการเพิ่ม Smart Contract จึงทำให้ผู้ที่จะได้รับผลกระทบในครั้งนี้คือ นักพัฒนาสาย DeFi นักพัฒนาโปรแกรมที่กำลังจะสร้าง dApps บน Cardano หรือผู้ที่สนใจใน NFT ที่จะต้องจับตากันเพิ่มเติม
ที่ผ่านมา Cardano ยังไม่โดเด่นในเรื่องของการถูกนำไปใช้สร้างโปรเจกต์ที่ตลาดกำลังให้ความสำคัญอย่างเช่น Blockchain Games และ NFT ตลอดจน DeFi ทำให้แรงเก็งกำไรที่เข้ามาในราคาเหรียญมีไม่มากนัก อย่างไรก็ตามชุมชนคริปโตทั่วโลกบางส่วนยังคงมั่นใจใน Cardano ถ้าหากเห็นการพัฒนาโปรเจกต์ที่เป็นรูปธรรม เชื่อว่าราคาน่าจะปรับตัวขึ้นเหมือนกับเหรียญสาย Smart Contract อื่น ๆ
ทางด้าน นายโรเบิร์ต แซ็ค (Robert Zach) นักวิเคราะห์ของ Investing.com ชี้ว่า ราคาของ Cardano ที่ตอนนี้อัพเกรดมาพร้อมกับ Smart Contract จะสูงขึ้นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าราคา Bitcoin จะสามารถยืนเหนือเส้น ค่าเฉลี่ย 200 วันได้หรือไม่เช่นกัน หากราคา Bitcoin ยืนเหนือระดับเส้นแนวรับนี้ได้ Cardona ก็อาจดูไม่เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะสั้น ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า Bitcoin ก็ยังเป็นตัวแทนและมีอิทธิพลในตลาดสกุลเงินคริปโตทั้งหมด