Investing.com -- ห้าเรื่องที่คุณควรทราบเกี่ยวกับตลาดการเงินในวันอังคารที่ 12 พฤศจิกายนมีดังต่อไปนี้
1. ทรัมป์เตรียมให้คำกล่าวที่ Economic Club of New York
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะให้คำกล่าวในเวลา12.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1700 GMT) ที่ Economic Club of New York
ตลาดคาดหวังว่าทรัมป์จะเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ที่จะสามารถตกลงกับจีนได้ รวมทั้งบทสรุปว่าทรัมป์จะเดินหน้าเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากยุโรปโดยเฉพาะสินค้าจำพวกยานยนต์ดังที่เคยได้ข่มขู่ไว้เมื่อช่วงต้นปีหรือไม่ ซึ่งประธานคณะกรรมาธิการยุโรป นายฌ็อง-โคลด ยุงเคอร์ ได้กล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาไม่คิดว่าทรัมป์จะทำตามคำข่มขู่ที่เคยให้ไว้
เนื่องด้วยตลาดได้วางเดิมพันไว้แล้วว่าความขัดแย้งทางการค้าจะต้องคลี่คลายลงอย่างแน่นอน ดังนั้นหากสถานการณ์ระหว่างจีนหรือยุโรปพลิกผันก็อาจเกิดผลกระทบในแง่ลบต่อตลาดได้
2. สัญญาณทางบวกจากเยอรมนี
ผลสำรวจความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจเยอรมนีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเป็นผลสำรวจแรกของเดือนนี้ที่ฝั่งยุโรปออกมาสูงเกินคาด ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ตลาดมากขึ้นว่าเศรษฐกิจเยอรมนีอาจกำลังพลิกฟื้นก็เป็นได้
ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ล่าสุดอยู่ที่ -2.1 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบหกเดือน สูงกว่าผลคาดการณ์ -13.2 และค่าดัชนีเมื่อเดือนตุลาคมที่ -22.8
ตัวเลขดังกล่าวตามมาหลังจากสภาที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลเยอรมนีได้ลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งของปีนี้และปีหน้า นอกจากนี้ภาพรวมทางเศรษฐกิจในแง่บวกยังแสดงออกมาผ่านรายงานผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ ในประเทศอีกด้วย โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตชิพจากเยอรมนี Infineon (DE:) และ Dialog (DE:)
3. เตรียมขยับหลายทิศทาง, บริษัท Tyson และ Rockwell เตรียมรายงานผลประกอบการ
หุ้นสหรัฐฯ เตรียมตัวขยับขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าการซื้อขายในคืนนี้น่าจะยังคงซบเซาจนกว่าจะถึงเวลาให้คำกล่าวของทรัมป์ในช่วงครึ่งหลังของวัน
เมื่อเวลา 6:25 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ขยับขึ้น 17 จุด น้อยกว่า 0.1% ขณะที่ ขยับขึ้น 0.1% และ ก็ปรับขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน
ในวันนี้จะมีการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรที่ $1.29 ต่อหุ้นสำหรับไตรมาสนี้ และกำไร $5.52 เมื่อเทียบเป็นรายปี
นอกจากนี้ยังมีการรายงานของบริษัทอย่าง , , , บริษัทหน้าใหม่ และ ด้วย
4. ความรุนแรงในฮ่องกงปะทุขึ้นอีกครั้ง
ย่านเศรษฐกิจของฮ่องกงกลายเป็นอัมพาตวันที่สองติดต่อกัน หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงเข้ายึดครองพื้นที่และทำให้โรงเรียนกับร้านค้าหลายแห่งจำเป็นต้องปิดทำการชั่วคราว
สำนักข่าว South China Morning Post รายงานว่า ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาจากตำแหน่งที่ตั้งทั้งหมด 12 จุด เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงให้หลังจากที่ผู้นำฮ่องกง นางแคร์รี ลัม ได้ออกมายื่นคำขาดว่า การใช้ความรุนแรงที่มากขึ้นจะไม่ทำให้รัฐบาลอ่อนข้อให้กับกลุ่มผู้ประท้วง และนางลัมได้ขนานนามกลุ่มผู้ประท้วงว่าเป็น "ศัตรูของประชาชน"
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ทำให้คณะ ส.ว.สหรัฐฯ ต้องประกาศให้มีการลงมติกฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของฮ่องกงใหม่อีกครั้ง อันจะเป็นการเร่งบังคับใช้มาตรการแซงก์ชันของสหรัฐฯ กับผู้ที่ละเมิดสิทธิต่าง ๆ ดังที่ได้ระบุไว้ในแถลงการณ์ร่วมกันของอังกฤษและจีนเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้ว
5. Disney เตรียมเปิดตัวบริการสตรีมมิ่ง
Walt Disney (NYSE:) เตรียมเปิดตัวบริการสตรีมมิ่ง Disney+ ด้วยค่าสมัครที่ต่ำกว่าราคาของทั้ง Netflix (NASDAQ:) และ Amazon Prime เพียง $6.99 ต่อเดือน
Disney กำลังก้าวเข้าสู่สังเวียนการแข่งขันที่มีคู่แข่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Apple (NASDAQ:), AT&T (NYSE:) หรือ Comcast (NASDAQ:)
ผลสำรวจจาก Harris ของ Wall Street Journal เผยว่า ชาวอเมริกันยินดีที่จะจ่ายค่าบริการสตรีมมิ่งที่ $44 ต่อเดือน และชี้ว่ายังคงมีโอกาสให้บริษัทต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเติบโตมากขึ้นอีกในระยะสั้น เพราะในขณะนี้ค่าสมัครใช้บริการเฉลี่ยอยู่ที่ $14 ต่อเดือน แต่นักวิเคราะห์หลายท่านเชื่อว่าในระยะกลางการแข่งขันจะต้องเข้มข้นมากกว่านี้อย่างแน่นอน