มหกรรมลดราคา Black Friday เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตอนนี้! ห้ามพลาดกับส่วนลดสูงสุดถึง 60% InvestingProรับส่วนลด

Demand Supply Zone การอ่านจิตวิทยาตลาด

เผยแพร่ 15/04/2566 12:03
Demand Supply Zone การอ่านจิตวิทยาตลาด

BeInCrypto - ในทุกๆ ตลาดสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็น คริปโตเคอเรนซี่ หลักทรัพย์ หรือ สินค้าโภคภัณฑ์ การซื้อขายย่อมเป็นไปตามกลไกของตลาดของ อุปสงค์ และ อุปทาน ซึ่งในการเทรดมักเรียกว่า Demand Supply Zone นักเทรดสามารถวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าสะสมและขายทำกำไรได้หากมีความรู้ที่เหมาะสม

การวิเคราะห์อุปสงค์และอุปทาน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทั้งนักลงทุนระยะยาว และนักเก็งกำไรระยะสั้น ซึ่งในปัจจุบันนับเป็นศาสตร์หนึ่งของ Technical Analysis หรือ การวิเคราะห์เชิงเทคนิคผ่านกราฟราคา บทความนี้จะทำให้ผู้อ่านรู้จักแนวคิด และวิธีการนำไปประยุกต์ใช้เบื้องต้น

Table of Contents

  • Demand Supply Zone คืออะไร
  • รูปแบบของ Demand Zone
  • รูปแบบของ Supply Zone
  • การวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของ Demand Supply Zone
  • จุดเข้าเทรดสำหรับการใช้ Demand Supply Zone
  • สรุป

Demand Supply Zone คืออะไร

หากแปลอย่างตรงตัวแล้ว มันคือ โซนที่อุปสงค์หรือ โซนที่มีความต้องการซื้อ (Demand Zone) และอุปทาน หรือ โซนที่มีความต้องการขาย (Supply Zone) เกิดขึ้น แต่ในแง่หนึ่งมันเป็นความหมายเชิงจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังแนวคิดเรื่อง “แนวรับและแนวต้าน” (Support & Resistance) เวลาที่คุณตีเส้นบนกราฟราคา Price Action นั่นเอง

เมื่อคุณสามารถตีความ แนวรับและแนวต้านด้วยหลักการของจิตวิทยาตลาดเบื้องหลังได้แล้ว คำสบประมาณที่ว่า “เส้นต่างๆ ในกราฟไม่มีความหมาย เป็นแค่จิตนาการ” ก็จะไม่เป็นจริงอีกต่อไป เพราะการเคลื่อนไหวของราคาเป็นสิ่งสะท้อนที่ความคิดของผู้ซื้อและผู้ขายในแต่ละชั่วขณะนั้นๆ

รูปแบบของ Demand Zone

โซนของความต้องการซื้อจะมีรูปแบบเบื้องต้น 2 รูปแบบ ดังนี้

  • Drop Base Rally (DBR)

DBR จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดเทรนขาลง (Drop) มาก่อน แล้วเกิดการพักตัวที่เรียกว่า (Base) และกลับตัวเปลี่ยนเป็นเทรนขาขึ้น (Rally) รูปแบบนี้ ส่งสัญญาณว่าอาจมีการกลับตัวของเทรนขาลงเกิดขึ้นแล้ว โดยจุดที่เป็น Base แสดงถึงความต้องการซื้อที่มากขึ้น และความต้องการขายชะลอตัวจนถึงจุดสมดุล ทำให้เกิดแนวรับ

  • Rally Base Rally (RBR)

RBR จะเกิดขึ้นในช่วงที่เทรนเป็นขาขึ้น (Rally) และเกิดการพักตัวระหว่างเทรน (Base) นัยยะหนึ่งคือ มีผู้คนกลุ่มหนึ่งเลือกเก็บกำไรบางส่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง แต่ในขณะเดียวกันยังมีผู้ต้องการซื้อที่อาจพลาดจากเทรนขาขึ้นครั้งแรกเข้ามาเพิ่มเติม ทำให้เกิดเทรนขาขึ้นต่อไป (Rally)

รูปแบบของ Supply Zone

โซนของความต้องการขายจะมีรูปแบบเบื้องต้น 2 รูปแบบ ดังนี้

  • Rally Base Drop (RBD)

RBD จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดเทรนขาขึ้น (Rally) มาก่อน แล้วเกิดการพักตัวที่เรียกว่า (Base) และกลับตัวเปลี่ยนเป็นเทรนขาลง (Drop) รูปแบบนี้ ส่งสัญญาณว่าอาจมีการกลับตัวของเทรนขึ้นลงเกิดขึ้นแล้ว โดยจุดที่เป็น Base แสดงถึงความต้องการขายที่มากขึ้น และความต้องการซื้อชะลอตัวจนถึงจุดสมดุล ทำให้เกิดแนวต้าน

  • Drop Base Drop (DBD)

DBD จะเกิดขึ้นในช่วงที่เทรนเป็นขาลง (Drop) และเกิดการพักตัวระหว่างเทรน (Base) นัยยะหนึ่งคือ มีผู้คนกลุ่มหนึ่งมองว่าราคาเริ่มต่ำกว่าความเป็นจริงและเริ่มเข้าสะสม แต่ในขณะเดียวกันยังมีผู้ต้องการขายที่มากกว่าทำให้ราคาร่วงต่อเป็นเทรนขาลงต่อไป (Drop)

การวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของ Demand Supply Zone

หลังจากเราเรียนรู้รูปแบบเบื้องต้นแล้ว เรายังสามารถวิเคราะห์รายละเอียดเชิงลึกเพื่อพิจารณาความแข็งแกร่งของรูปแบบที่เกิดขึ้นได้อีกด้วยผ่านการศึกษาเครื่องมือการวิเคราะห์เชิงเทคนิค

  • วิเคราะห์แท่งเทียน (Candle Stick Analysis)

ประการแรกคือ “ลักษณะของโซนและแท่งเทียน” Narrow Price Range หรือ ไส้เทียนที่ยาวแต่การแกว่งของราคาอยู่ในกรอบแคบๆ หากเลือก Time Frame ที่ยาวขึ้นอาจเห็นเป็นแท่งตระกูล Doji ซึ่งเป็นแท่งเทียนชนิดหนึ่ง กรอบที่แคบแสดงถึงราคาที่ยังไม่สามารถเลือกทิศทางได้และมีความผันผวนและไม่แน่นอนสูง

เมื่อมันสะท้อนถึงความมั่นใจที่ไม่มากนัก จึงอาจไม่ใช่โซนที่เหมาะแก่การเข้าสะสมสินทรัพย์สักเท่าไหร่ และยังเสี่ยงต่อการ Fake breakout ล่า Stop Loss อีกด้วย ทว่า หากแท่งเทียนเป็นแท่งยาวและทำ Breakout ออกจากกรอบและแทบไม่มีไส้เทียน นั้นหมายความว่า แรงซื้อแข็งแกร่งมากและมีโอกาสพัฒนาเป็นเทรนสูง

  • วิเคราะห์ระยะเวลาและสัดส่วน (Proportion Analysis)

หากคุณเริ่มมองเห็นการก่อตัวของ Base ให้คุณสังเกตระยะเวลาก่อนการ Breakout เป็นเทรนให้ดี โดยทั่วไปหากราคาอยู่นิ่งเป็นเวลามากเกินควร นั่นหมายความว่า ราคาไม่สามารถไปต่อได้และเป็นสัญญาณของการกลับตัวของเทรนที่อาจเกิดขึ้น

วิธีการพิจารณามีหลากหลายรูปแบบ ว่าแพทเทิร์นที่เกิดขึ้นกินระยะเวลานานเกินไปไหม แต่รูปแบบที่นิยมคือ การเทียบเคียงแบบสัมพัทธ์ (Relatively) เช่น หากเทรนขาลงก่อนหน้าอาจใช้เวลา 5 แท่งเทียน แต่ราคากลับมาพักตัวเป็นโซนนานกว่า 10 แท่งเทียน นั่นอาจหมายความว่า แรงขายได้หมดลงแล้ว เมื่อมีความต้องการซื้อหรือข่าวดีเข้ามา ราคาพร้อมจะ Breakout เป็นขาขึ้นทันที

  • การทดสอบของแนวรับและแนวต้าน

โดยทั่วไปแล้ว หากราคา Breakout ออกจากกรอบ การย่อกลับลงมาทดสอบที่แนวรับและแนวต้าน เป็นสัญญาณที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะมันหมายความว่า ยังมีแรงขายหลงเหลืออยู่จากช่วงเวลาก่อนหน้ามากพอที่จะกลับมาทดสอบโซนที่ทะลุไปแล้ว

ยิ่งมีการทดสอบหลายครั้ง ยิ่งหมายความว่าแรงเทขายยังคงหลงเหลืออยู่มากเท่านั้นและมีโอกาสที่จะเกิด False Breakout ทะลุแนวรับเก่าได้ แต่ในแง่หนึ่งมันหมายความว่า แนวรับนั้นมีความสำคัญเชิงจิตวิทยาสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อจริง อย่างไรก็ตามการ Breakout และไม่กลับมาทดสอบย่อมแสดงถึงความแข็งแกร่งที่มากกว่าอย่างชัดเจน

จุดเข้าเทรดสำหรับการใช้ Demand Supply Zone

อ้างอิงจากรูปแบบของ Demand Zone ข้างต้น เราสามารถกำหนดกลยุทธ์ในการเข้าถือครองสถานะได้ ว่าควรเข้าซื้อ Take Profit และ ตั้ง Stop Loss ณ จุดใดที่ความเสี่ยงต่ำที่สุดและคุ้มค่ากับกำไรที่มีโอกาสสำเร็จสูงดังนี้

  • การเทรด DBR และ RBR

เมื่อเรามองเห็นแพทเทิร์น DBR และ RBR แล้ว นักเทรดสามารถเข้าซื้อเมื่อราคาใกล้เคียงกับแนวรับมากที่สุด ยิ่งใกล้ยิ่งลดความเสียหายในกรณีที่การวิเคราะห์ผิดพลาดได้มากเท่านั้น และกำหนดจุดทำกำไรเป็นแนวต้านเก่า

  • การเทรด RBD และ DBD

แพทเทิร์นทั้ง 2 นี้เป็นแพทเทิร์นขาลงจึงควรใช้กับการถือสถานะ Short ในตลาด Futures โดยแนวคิดมีลักษณะเดียวกันกับการเทรดในช่วงขาขึ้นแต่กลับหัว หมายความว่า คุณควรเปิดสถานะให้ใกล้กับแนวต้านมากที่สุด เพื่อลดความเสียหายหากวิเคราะห์ผิดพลาด และปิดสถานะเมื่อราคาปะทะกับแนวรับเก่านั่นเอง

สรุป

หลังจากที่เราเรียนรู้จิตวิทยาเบื้องหลังตลาดผ่านการศึกษา Demand Supply Zone หรือ อุปสงค์ และ อุปทาน ในการเทรดแล้ว นักลงทุนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย และอาจทำให้มีความเข้าใจในเทคนิคอื่นๆ มากขึ้น เช่น ทฤษฎี Dow, ทฤษฎี Wyckoff และ ทฤษฎี Elliot Wave เพราะโครงสร้างของแนวคิดเหล่านี้ ล้วนมาจากการวิเคราะห์จิตวิทยาตลาดที่พัฒนาต่อยอดขึ้นไปจากแนวคิดเรื่องโซนอุปสงค์และอุปทานเป็นทฤษฎีที่มีความซับซ้อนมากขึ้นความเข้าใจเหล่านี้อาจยกระดับการเทรด Cryptocurrencies ของคุณขึ้นไปได้อีกระดับก็เป็นได้

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก BeInCrypto

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย