โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นในเช้าวันนี้ แต่คาดว่าจะติดลบรายสัปดาห์เกือบ 2% หลังจากนักลงทุนรับทราบการตัดสินใจของจีนที่จะปล่อยน้ำมันดิบจากอุปทานสำรองออกมาใช้และคำเตือนเกี่ยวกับยอดขายตั๋วที่ลดลงจากสายการบินสหรัฐบางแห่ง
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ บวก 0.59% เป็น 71.87 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 23:50 น. ET (3:50 น. GMT) และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 0.50% เป็น 68.48 ดอลลาร์ โดยทั้งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ Brent และ WTI ลดลงที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. ในวันพฤหัสบดี
สำนักงานอาหารและยุทธศาสตร์แห่งชาติของจีนกล่าวว่า จะปล่อยน้ำมันดิบสำรองออกสู่ตลาดผ่านการประมูลสาธารณะ
มีรายงานว่าการเปิดตัวครั้งแรกนี้มีเป้าหมายเพื่อลดแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นของโรงกลั่นในประเทศ นอกจากนี้ จีนยังต้องเปลี่ยนแผนในการซื้อน้ำมันในเดือนกันยายนและตุลาคมจาก Royal Dutch Shell (LON:RDSa) ในอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ
ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอย่าง Shell ถูกบังคับให้ยกเลิกการส่งออกบางส่วน เนื่องจากการฟื้นตัวจากพายุเฮอริเคนไอดายังคงชะลอตัวเกือบ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน น้ำมันนอกชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกยังคงปิดตัวลง และกำลังการกลั่น 1 ล้านบาร์เรลต่อวันยังคงถูกระงับอยู่
นักวิเคราะห์จาก ANZ Research ระบุในหมายเหตุว่า “มันไม่มีข่าวดีทางด้านอุปสงค์เช่นกัน โดยสายการบินของสหรัฐกำลังเตือนถึงความต้องการเชื้อเพลิงที่ชะลอตัว”
สายการบินเหล่านี้รวมถึง American Airlines (NASDAQ:AAL), United Airlines Holdings Inc. (NASDAQ:UAL), Delta Airlines (NYSE:DAL) Southwest Airlines (NYSE:LUV) และ JetBlue Airways (NASDAQ:JBLU) บริษัททั้ง 5 แห่งรายงานว่ายอดขายตั๋วชะลอตัวและลดการคาดการณ์รายได้ เนื่องจากโควิดยังคงเป็นภัยคุกคามต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ในขณะเดียวกัน ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบจากสำนักงานข้อมูลพลังงานสหรัฐ เมื่อวันพฤหัสบดี แสดงถึงการลดลง 1.529 ล้านบาร์เรล ขณะที่การคาดการณ์ที่จัดทำโดย Investing.com ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 4.612 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ลดลง 7.169 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ก่อน
ส่วนข้อมูลการจัดหาน้ำมันดิบจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน วันก่อนหน้านั้น แสดงให้เห็นว่ามีน้ำมันลดลง 2.882 ล้านบาร์เรล