ราคาทองพุ่งขึ้นเนื่องจากความตึงเครียดกับอิหร่านและการพูดถึงภาษีของทรัมป์

Investing.com- ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในการซื้อขายช่วงเอเชียเมื่อวันพฤหัสบดี เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้นจากความกังวลที่สูงขึ้นเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารกับอิหร่าน ในขณะที่ความเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับภาษีการค้าได้กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

ราคาทองคําได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นบ้างแล้วในสัปดาห์นี้ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน แม้ว่าการเจรจาดูเหมือนจะมีความคืบหน้าบ้าง แต่การขาดรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อตกลงทําให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงระมัดระวังความเสี่ยง

ราคาทองคําแท่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 3,374.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่สัญญาซื้อขายทองคําล่วงหน้าสําหรับเดือนสิงหาคมพุ่งขึ้น 1.5% สู่ระดับ 3,394.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 12:24 น. ตามเวลาไทย

ราคาทองและโลหะได้รับแรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยและการอ่อนค่าของดอลลาร์

ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะระหว่างอิหร่านและอิสราเอล เป็นปัจจัยสนับสนุนสําคัญสําหรับทองคํา หลังจากมีรายงานหลายฉบับระบุว่าอิสราเอลกําลังเตรียมโจมตีอิหร่านหากการเจรจานิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ล้มเหลว

เมื่อวันพุธ ทรัมป์ยืนยันว่าสหรัฐฯ กําลังถอนบุคลากรออกจากอีรักและประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง ท่ามกลางความกลัวว่าจะมีปฏิบัติการทางทหารเพิ่มเติม รายงานอื่นๆ แสดงให้เห็นว่ารัฐมนตรีอิหร่านขู่ว่าจะโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคในกรณีที่เกิดความขัดแย้ง

ข่าวพาดหัวเกี่ยวกับอิหร่านเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าเขากําลังสูญเสียความเชื่อมั่นในการเจรจานิวเคลียร์กับเตหะราน โดยเฉพาะหลังจากที่เขากล่าวว่าประเทศนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เสริมสมรรถนะยูเรเนียมเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอิหร่านมีกําหนดจะจัดการเจรจาเพิ่มเติมในช่วงสุดสัปดาห์นี้

ในด้านการค้า ความอยากเสี่ยงของนักลงทุนถูกกระทบเมื่อทรัมป์ระบุว่าเขาจะส่งจดหมายที่ระบุแผนภาษีการค้าของเขาไปยังเศรษฐกิจหลักภายในสองสัปดาห์หน้า ทําลายความหวังที่จะมีข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ เพิ่มเติม จนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ได้ลงนามในข้อตกลงการค้ากับสหราชอาณาจักรเท่านั้น และประกาศกรอบการค้ากับจีนในสัปดาห์นี้ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดสําคัญเกี่ยวกับข้อตกลงหลัง

ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อดอลลาร์และเป็นประโยชน์ต่อราคาโลหะในวงกว้าง สัญญาซื้อขายแพลทินัมล่วงหน้ามีผลงานดีกว่า โดยเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าสี่ปีที่ 1,251.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในขณะที่สัญญาซื้อขายเงินล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 0.7% สู่ระดับ 36.515 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังคงอยู่ใกล้จุดสูงสุดในรอบ 13 ปีล่าสุด

ในกลุ่มโลหะอุตสาหกรรม สัญญาซื้อขายทองแดงมาตรฐานในตลาดโลหะลอนดอนเพิ่มขึ้น 0.5% สู่ระดับ 9,699.70 ดอลลาร์ต่อตัน ในขณะที่สัญญาซื้อขายทองแดงของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.4% สู่ระดับ 4.8242 ดอลลาร์ต่อปอนด์

การพุ่งขึ้นของแพลทินัมจะอยู่ได้ไม่นาน จะกลับสู่กรอบการซื้อขาย- Goldman Sachs

นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs กล่าวว่าการพุ่งขึ้นล่าสุดของราคาแพลทินัม ซึ่งทําให้โลหะสีขาวทะลุกรอบการซื้อขายที่มีมาเกือบทศวรรษ มีแนวโน้มที่จะอยู่ได้ไม่นาน

แพลทินัมมีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม โดยการพุ่งขึ้นในช่วงแรกเกิดจากรายงานอุตสาหกรรมที่มีมุมมองเชิงบวก ซึ่งส่งผลให้เกิดการเก็งกําไรเกี่ยวกับอุปทานที่ชะลอตัวและความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทําให้มีการเปิดสถานะซื้อในโลหะนี้มากขึ้น

การปรับตัวขึ้นล่าสุดทําให้แพลทินัมซื้อขายเพิ่มขึ้น 37.3% ในปี 2025 จนถึงขณะนี้ ซึ่งเหนือกว่าการเพิ่มขึ้น 28.6% ของทองคํา

GS คาดว่าแพลทินัมจะกลับมาอยู่ในกรอบการซื้อขายระหว่าง 800 ถึง 1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยอ้างถึงความต้องการเครื่องประดับแพลทินัมของผู้บริโภคจีนที่ชะลอตัวลง ความต้องการที่ลดลงสําหรับการควบคุมการปล่อยมลพิษในอุตสาหกรรมยานยนต์ ท่ามกลางการนํายานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับการผลิตที่แข็งแกร่งจากแอฟริกาใต้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาแพลทินัม

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน