Investing.com - ราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อยในตลาดเอเชียวันนี้ โดยยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงของมาตรการภาษีการค้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ วางแผนจะใช้ เริ่มผ่อนคลายลง
อย่างไรก็ตาม ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากนักลงทุนยังไม่แน่ใจว่ามาตรการภาษีที่จะบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน จะครอบคลุมอะไรบ้าง ขณะเดียวกันนักลงทุนก็กำลังจับตาชุดข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะประกาศในสัปดาห์นี้อย่างระมัดระวัง
ราคาทองคำและโลหะมีค่าชนิดอื่นปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนดีขึ้นตามรายงานข่าวที่ระบุว่ามาตรการภาษีของทรัมป์อาจไม่รุนแรงอย่างที่เคยกังวล อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยจำกัดแรงกดดัน ทำให้ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุด
ราคาทองคำ สปอต ปรับขึ้น 0.1% มาเป็น 3,015.51 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ ทองคำฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม ปรับขึ้น 0.1% มาเป็น 3,048.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อเวลา 11:59 น. (GMT+7)
ราคาทองคำร่วงจากระดับสูงสุดหลังความกังวลเรื่องภาษีของทรัมป์คลี่คลาย
ราคาทองคำสปอต ซึ่งสะท้อนอุปสงค์ทองคำจริงในระยะสั้น ร่วงลงอย่างหนักจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,057.51 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งแตะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ราคาทองคำที่อ่อนตัวลงเป็นผลมาจากความต้องการเสี่ยงของนักลงทุนที่ฟื้นตัว โดยดัชนีวอลล์สตรีทก็ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากระดับต่ำในสัปดาห์นี้เช่นกัน
นักลงทุนเริ่มคาดการว่ามาตรการภาษีของทรัมป์ที่จะมีผลในวันที่ 2 เมษายน อาจไม่รวมถึงภาคส่วนสำคัญอย่างเซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ และยา อีกทั้งมาตรการตอบโต้ทางภาษีของทรัมป์ยังคาดว่าจะเจาะจงเฉพาะประเทศประมาณ 15 ประเทศที่มีดุลการค้ากับสหรัฐฯ ไม่สมดุล ซึ่งช่วยจำกัดผลกระทบโดยรวม
แม้เช่นนั้น ผลกระทบและขอบเขตของนโยบายของทรัมป์ยังคงไม่แน่นอน ทำให้ตลาดยังคงให้น้ำหนักกับสินทรัพย์ปลอดภัย โดยราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวเหนือระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสำคัญที่ราคาทองคำทะลุขึ้นมาเมื่อต้นเดือนมีนาคม
ด้วยเหตุนี้ ราคาทองคำจึงขยับขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ ขณะที่โลหะมีค่าชนิดอื่นก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดย แร่เงินฟิวเจอร์ส ปรับขึ้น 0.7% มาเป็น 33.673 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วน แพลตตินัมฟิวเจอร์ส ทรงตัวอยู่ที่ 967.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ในกลุ่มโลหะอุตสาหกรรม สัญญา ทองแดงฟิวเจอร์ส ที่ซื้อขายในตลาดโลหะลอนดอน ปรับขึ้น 0.4% มาเป็น 9,989.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่สัญญา ทองแดงฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนพฤษภาคมในตลาดสหรัฐ พุ่งขึ้น 0.9% เป็น 5.1280 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ราคาทองแดงยังได้แรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานตึงตัว จากความเสี่ยงของภาษีนำเข้าสหรัฐและการปิดโรงหลอมทองแดงในจีน
ตลาดจับตาข้อมูล PCE และ GDP เพื่อดูทิศทางเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ความสนใจหลักในสัปดาห์นี้จึงอยู่ที่ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ เพื่อใช้ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ย
ข้อมูล ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐให้ความสำคัญมากที่สุด จะเป็นจุดสำคัญในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะประกาศในวันศุกร์ โดย core PCE คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบเป้าหมายรายปีที่ 2% ของเฟด
ก่อนหน้านั้น ข้อมูลประมาณการ GDP ไตรมาส 4 ที่ปรับปรุงแล้วก็กำลังจะประกาศในวันพฤหัสบดี ท่ามกลางความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากความไม่แน่นอนในนโยบายของทรัมป์