Investing.com - ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้ภาษีศุลกากรเพิ่มเติม โดยคราวนี้มุ่งเป้าไปที่การนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์
ทรัมป์ยังส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มภาษีศุลกากรอีกในสัปดาห์นี้ ทำให้ตลาดยังคงอยู่ในภาวะตึงเครียดและยังทำให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงปรับตัวลดลงทั่วเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น แต่ก็ไม่สามารถสกัดกั้นการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในระยะสั้นได้
ราคาทองคำสปอต ปรับขึ้น 1.1% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,892.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ ทองคำฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนเมษายน ปรับขึ้น 0.9% แตะ 2,916.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทรัมป์ประกาศภาษี 25% ทำให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำ
เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ประกาศว่าเขาจะกำหนดภาษีศุลกากร 25% สำหรับการนำเข้าอะลูมิเนียมและเหล็กทั้งหมดเข้าสู่สหรัฐฯ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการค้าทั่วโลก
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังส่งสัญญาณเกี่ยวกับแผนการกำหนดภาษีตอบโต้ โดยจะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ให้เทียบเท่ากับอัตราภาษีที่ประเทศคู่ค้าเรียกเก็บจากสหรัฐฯ
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ภาษีศุลกากร 10% ของทรัมป์ต่อจีนมีผลบังคับใช้ ซึ่งปักกิ่งก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทางการค้าของตนเอง
การเก็บภาษีดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการค้าและแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก
อีกทั้งสถานการณ์ดังกล่าวยังกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
สำหรับโลหะมีค่าอื่น ๆ ราคาปรับตัวไม่สดใสมากนัก แร่เงินฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ 32.465 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ แพลตตินั่มฟิวเจอร์ส เพิ่มขึ้น 0.6% แตะ 1,015.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ในกลุ่มโลหะอุตสาหกรรม ทองแดงฟิวเจอร์ส ใน London Metal Exchange ทรงตัวที่ 9,416.45 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ ทองแดงฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนมีนาคม ขยับลงเล็กน้อยเป็น 4.5990 ดอลลาร์ต่อปอนด์
ราคาทองคำถูกจำกัดจากความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ย
แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งและทำสถิติสูงสุดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การเพิ่มขึ้นในระยะถัดไปอาจยังถูกจำกัดจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ โดยนักลงทุนยังต้องจับตาการคงอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
นักวิเคราะห์และเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐเตือนว่าภาษีศุลกากรของทรัมป์ ซึ่งจะส่งผลต่อต้นทุนของผู้นำเข้าของสหรัฐฯ อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น และทำให้เฟดมีแรงกดดันน้อยลงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ในเรื่องนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ประจำเดือนมกราคม ก็มีกำหนดการณ์เปิดเผยในสัปดาห์นี้ และคาดว่าจะมีผลต่อการคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ