ราคาน้ำมันจ่อขาดทุนเป็นสัปดาห์ที่ 3 จากความกังวลเรื่องสหรัฐกับจีนและอุปทาน

เผยแพร่ 07/02/2568 09:30
© Reuters.

Investing.com - ราคาน้ำมันแทบไม่เปลี่ยนแปลงในตลาดเอเชียวันนี้ แต่ยังคงอยู่ในเส้นทางขาลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกินและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

ณ เวลา 08:09 น.(GMT+7) น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ 74.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนมีนาคมทรงตัวที่ 70.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สัญญาทั้งสองมีแนวโน้มลดลงเกือบ 3% ในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งจากทางภูมิรัฐศาสตร์ การเพิ่มขึ้นอย่างมากของปริมาณ น้ำมันดิบคงคลัง และคำมั่นของโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะเพิ่มการผลิต ซึ่งกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด

การเพิ่มการผลิตของทรัมป์กระตุ้นความเสี่ยงด้านอุปทาน

เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเพิ่มการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนพลังงานและเสริมสร้างความเป็นอิสระด้านพลังงาน

คำประกาศนี้ส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็อยู่ในแนวโน้มขาลงอยู่แล้ว

แนวโน้มการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานส่วนเกิน ซึ่งมักนำไปสู่ราคาที่ลดลง

เมื่ออุปทานมากกว่าความต้องการ น้ำมันส่วนเกินจะสามารถทำให้ตลาดอิ่มตัว ส่งผลให้ราคาลดลง เนื่องจากผู้ผลิตแข่งขันกันขายสินค้า

ประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) รายงานว่าปริมาณสินค้าคงคลังน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ สะท้อนถึงความต้องการที่อ่อนแอ

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร หรือ OPEC+ เพิ่มการผลิต เพื่อลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของอุปทานที่เกิดจากการคว่ำบาตรรัสเซียและอิหร่าน

"ความเสี่ยงด้านอุปทานที่ตลาดเผชิญจากมาตรการคว่ำบาตร หมายความว่าระดับราคาต่ำสุดของน้ำมันน่าจะสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับพัฒนาการของความสัมพันธ์ทางการค้า" นักวิเคราะห์จาก ING กล่าวในหมายเหตุล่าสุด

"ท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้นของสหรัฐฯ ในด้านการค้าจะเป็นปัจจัยกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก" พวกเขากล่าวเสริม

ความตึงเครียดด้านภาษีระหว่างสหรัฐและจีนยังคงมีอยู่

ราคาน้ำมันยังเผชิญแรงกดดันจากการที่จีนตอบโต้ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ด้วยการเรียกเก็บภาษีตอบโต้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ รวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ถ่านหิน น้ำมันดิบ และอุปกรณ์การเกษตร

ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาด เนื่องจากนักลงทุนพยายามประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความต้องการน้ำมันทั่วโลก

มาตรการภาษีตอบโต้ของจีนมีกำหนดการณ์บังคับใช้ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ทำให้ตลาดอยู่ในภาวะระมัดระวัง ขณะที่นักลงทุนต่างก็กำลังรอดูผลกระทบของภาษีเหล่านี้

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย