Investing.com - ราคาน้ำมันแทบไม่เปลี่ยนแปลงในตลาดเอเชียวันนี้ แต่ยังคงอยู่ในเส้นทางขาลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกินและความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
ณ เวลา 08:09 น.(GMT+7) น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ทรงตัวที่ 74.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนมีนาคมทรงตัวที่ 70.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาทั้งสองมีแนวโน้มลดลงเกือบ 3% ในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งจากทางภูมิรัฐศาสตร์ การเพิ่มขึ้นอย่างมากของปริมาณ น้ำมันดิบคงคลัง และคำมั่นของโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะเพิ่มการผลิต ซึ่งกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
การเพิ่มการผลิตของทรัมป์กระตุ้นความเสี่ยงด้านอุปทาน
เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเพิ่มการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนพลังงานและเสริมสร้างความเป็นอิสระด้านพลังงาน
คำประกาศนี้ส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็อยู่ในแนวโน้มขาลงอยู่แล้ว
แนวโน้มการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานส่วนเกิน ซึ่งมักนำไปสู่ราคาที่ลดลง
เมื่ออุปทานมากกว่าความต้องการ น้ำมันส่วนเกินจะสามารถทำให้ตลาดอิ่มตัว ส่งผลให้ราคาลดลง เนื่องจากผู้ผลิตแข่งขันกันขายสินค้า
ประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ (EIA) รายงานว่าปริมาณสินค้าคงคลังน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ สะท้อนถึงความต้องการที่อ่อนแอ
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร หรือ OPEC+ เพิ่มการผลิต เพื่อลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของอุปทานที่เกิดจากการคว่ำบาตรรัสเซียและอิหร่าน
"ความเสี่ยงด้านอุปทานที่ตลาดเผชิญจากมาตรการคว่ำบาตร หมายความว่าระดับราคาต่ำสุดของน้ำมันน่าจะสูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปี อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับพัฒนาการของความสัมพันธ์ทางการค้า" นักวิเคราะห์จาก ING กล่าวในหมายเหตุล่าสุด
"ท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้นของสหรัฐฯ ในด้านการค้าจะเป็นปัจจัยกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก" พวกเขากล่าวเสริม
ความตึงเครียดด้านภาษีระหว่างสหรัฐและจีนยังคงมีอยู่
ราคาน้ำมันยังเผชิญแรงกดดันจากการที่จีนตอบโต้ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ด้วยการเรียกเก็บภาษีตอบโต้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ รวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ถ่านหิน น้ำมันดิบ และอุปกรณ์การเกษตร
ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาด เนื่องจากนักลงทุนพยายามประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความต้องการน้ำมันทั่วโลก
มาตรการภาษีตอบโต้ของจีนมีกำหนดการณ์บังคับใช้ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ทำให้ตลาดอยู่ในภาวะระมัดระวัง ขณะที่นักลงทุนต่างก็กำลังรอดูผลกระทบของภาษีเหล่านี้