-
ตลาดหุ้นปิดตลาดในรอบสี่สัปดาห์ได้สูงขึ้นในช่วงที่สงครามทางการค้าเริ่มคลี่คลาย
-
สินทรัพย์อื่นๆ ที่มีความปลอดภัยสูงอย่างเช่น ดอลลาร์ เยน และทองคำก็ยังปรับตัวขึ้นได้
ความตึงเครียดทางด้านสงครามทางการค้าเริ่มส่อแววให้เห็นอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา และครั้งนี้ก็น่าจะส่งผลกับดัชนีตลาดหุ้นทั้ง S&P 500, ดาว, NASDAQ และ Russell 2000 ได้ค่อนข้างนานเลยทีเดียว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีทั้งหมดในที่สุดก็ได้ปรับตัวลดลงหลังจากที่มีการแกว่งตัวไปด้านข้างเนื่องจากการเจรจาทางการค้ากับจีนล่าสุดดูเหมือนจะมีความคืบหน้าไปในทางที่ดี แต่สุดท้ายก็อ่อนแรงลงไป
ดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาได้เกือบสี่สัปดาห์ติดต่อกัน ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรยังปรับลดลงต่อเนื่อง ในขณะที่ค่าเงิน ดอลลาร์ ประจำสัปดาห์กลับลำจากดิ่งลงจนเป็นขาขึ้นได้
นักลงทุนเริ่มหันกลับไปหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย
ทั้งหมดนี้เริ่มต้นมาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เผยว่าเขาไม่สามารถยอมรับ “ข้อตกลงเพียงบางส่วน” กับประเทศเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอย่างจีนได้ ซึ่งก่อนหน้านี้จีนเคยตกลงว่าจะเพิ่มการซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ แต่หลังจากนั้นกลุ่มผู้แทนจากจีนก็ได้ยกเลิกกำหนดการเยี่ยมชมไร่ที่รัฐมอนทานาไปเสียดื้อๆ ทำให้นักลงทุนที่ติดตามปัจจัยในเรื่องภูมิศาสตร์ทางการเมืองต้องรีบขายหลักทรัพย์ที่ตนถือแล้วหันไปหาสินทรัพย์อื่นที่มีความปลอดภัยกว่าอย่าง เงินเยน, ทองคำ และพันธบัตรแทน
ถึงแม้ว่าเราจะระมัดระวังกับความเสี่ยงของตลาดมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างที่น่าสังเกตก็คือประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวอีกเลย ทวิตเตอร์ของทรัมป์กลับมุ่งเน้นไปที่การเมืองภายในประเทศเสียมากกว่า นักลงทุนอาจจะตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์มากเกินไปหรือเปล่า?
แม้ว่ากำหนดการอย่างเป็นทางการในการเจรจาทางการค้าจะยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่เรายังอดสงสัยไม่ได้ว่าจีนน่าจะได้รับผลตอบแทนบางอย่างเพื่อให้เกิดการประนีประนอมกับทรัมป์ เพราะทรัมป์กำลังเตรียมการรับศึกหาเสียงครั้งใหม่ของสหรัฐฯ ในปี 2020 และเราเชื่อว่าในช่วงนี้ตลาดก็น่าจะขยับเขยื้อนไปไหนได้ไม่มากอีกพักใหญ่เลยทีเดียว
ดัชนี S&P 500 สัปดาห์นี้ลดลงไป 0.51% หุ้นกลุ่ม สินค้าฟุ่มเฟือย ถือเป็นหุ้นที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดในรอบสัปดาห์โดยปรับลดลงไป -2.46% รั้งสองอันดับสุดท้ายประจำวันศุกร์ โดยปรับลงไป -1.15% ทำให้เห็นภาพของความเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับความกังวลในเรื่องสงครามการค้า เมื่อวันศุกร์ หุ้นกลุ่ม เทคโนโลยี เป็นกลุ่มที่ทำผลงานได้แย่ที่สุดโดยปรับลดไป -1.17% ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลในเรื่องข้อพิพาทที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับการขโมยสิทธิบัตรและความปลอดภัยระดับชาติ
กราฟรายวันของดัชนี S&P 500
เมื่อพิจารณาข้อมูลทางเทคนิคจะพบว่า ราคาปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบสัปดาห์ของดัชนี S&P 500 นั้นได้ปรับตัวลงต่ำกว่าเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ลากมาตั้งแต่เดือนธันวาคมได้เล็กน้อย โดยเคยกระโดดขึ้นเหนือเส้นนี้ได้เมื่อวันที่ 5 กันยายนและเคยลงไปต่ำกว่าเส้นนี้เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้นพอดิบพอดี
ราคาที่เคยขึ้นไปสูงสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาห่างจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่เคยทำได้ในวันที่ 26 กรกฎาคมไปเพียง 0.2% การที่ราคาตกลงไปอยู่ต่ำกว่าระดับ trough ของวันพุธที่ระดับ 2979.40 ก็น่าจะเป็นการทำรูปแบบ double top เล็กๆ ได้สมบูรณ์แล้ว และน่าจะมีแนวรับอยู่ที่ระดับการสะสมตัวในช่วงเดือนสิงหาคม
กราฟรายวันของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ รุ่นอายุ 10
ผลตอบแทนพันธบัตรรุ่นอายุ 10 ปี ยังร่วงเป็นวันที่ห้า หลังจากที่เฟด อาจพิจารณาไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก พันธบัตรก็กลับมาเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยในช่วงความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อีกครั้ง เมื่อพิจารณาข้อมูลทางเทคนิคจะเห็นว่าผลตอบแทนพันธบัตรเริ่มถูกกดให้อยู่ระหว่างเส้น 100 และ 50 DMA ใต้เส้นแนวโน้มขาลงที่ลากมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน
กราฟราคา USD/JPY รายสัปดาห์ในช่วง 12 เดือนล่าสุด
เมื่อวันศุกร์ ค่าเงินเยนยังปรับตัวสูงขึ้นได้แม้ว่าจะเทียบกับดอลลาร์ซึ่งค่อนข้างแข็งค่าขึ้นก็ตาม เมื่อพิจารณาจากข้อมูลทางเทคนิคจะพบว่าการซื้อขายในรอบสัปดาห์เกิดรูปแบบ shooting star ซึ่งถือเป็นการหยุดการฟื้นตัวตลอดสามสัปดาห์ที่ผ่านมาไว้ที่ขอบบนของกรอบราคาขาลง และน่าจะกลับตัวลงมาทดสอบที่ระดับ 105.00 อีกครั้ง
ราคาทองคำรายวัน
ราคาของทองคำเป็นไปในทิศทางแบบเดียวกับค่าเงินเยน เมื่อวันศุกร์ ราคาทองคำสามารถหยุดนิ่งได้หลังจากที่ปรับตัวลดลงตลอดสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อมูลทางเทคนิคชี้ว่าราคามีการเด้งออกจากกรอบราคาด้านล่างขึ้นมาได้ หากการปรับขึ้นนี้ยังดำเนินต่อไป ราคาน่าจะทะลุจุด H&S top และน่าจะสูงขึ้นได้อีก
ด้านราคา น้ำมัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็มีการปรับลดลงระหว่างวันมากที่สุดวันหนึ่ง แต่ก็ยังถือว่าสะสมราคาในรอบสัปดาห์เพิ่มขึ้นมาได้มากที่สุดเช่นกัน นับตั้งแต่เหตุการณ์การใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและบ่อน้ำมันของบริษัทอรามโกในซาอุดิอาราเบียทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นถึง 20% เมื่อเปิดตลาดวันจันทร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามซาอุดิอาราเบียได้ออกมาเตือนว่าหากเหตุการณ์ดังกล่าวพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือของอิหร่าน ซาอุดิอาราเบียจะถือว่าเป็นการก่อสงคราม
ในส่วนของอิหร่านนั้น นายจาวาด ซาริฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศกล่าวว่าภาวะสงครามอาจเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เขายืนยันว่าอิหร่านจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนอย่างแน่นอน รวมทั้งยังเหน็บแนมซาอุดิอาราเบียและสหรัฐฯ อาหรับเอมิเรตส์ด้วยว่า ทั้งสองประเทศนี้ยินดีที่จะสู้รบกับอิหร่าน “เพื่อศักดิ์ศรีของชาวอเมริกัน” อย่างแท้จริง
กราฟราคาน้ำมันรายสัปดาห์
เมื่อพิจารณาข้อมูลทางเทคนิคแล้ว แนวโน้มขาขึ้นของน้ำมันในระยะกลางยังอาจไม่เกิดขึ้น เพราะการปรับตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ราคาปัจจุบันยังอยู่ห่างจากจุดสูงสุดที่เคยทำได้ในเดือนเมษายนจึงยังยากที่จะสามารถสร้างแนวโน้มขาขึ้นได้