หุ้นของแบรนด์เจ้าของผลิตภัณฑ์ซอร์ฟแวร์เพื่อการติดต่อสื่อสารแบบวิดีโอคอลและแชท “Zoom Video Communications” หรือที่เรารู้จักดีในชื่อสั้นๆ ว่า “ซูม (Zoom)” (NASDAQ:ZM) เป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ทำผลงานสร้างผลตอบแทนได้ดีมากในปี 2020 สาเหตุของความสำเร็จนี้ก็อย่างที่รู้กันว่ามาจากภัยพิบัติโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้มนุษยชาติต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตมาพึ่งพาอินเตอร์เน็ตมากขึ้น
หุ้นของซูมพึ่งจะสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ใหม่ได้ในสัปดาห์นี้มีมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น 5 เท่าจากความต้องการของผู้คนนับล้านที่ต้องดำเนินใช้ชีวิตต่อไปผ่านการติดต่อสื่อสารผ่านวิดีโอคอล ไม่ว่าจะนักเรียนหรือคนทำงานต่างก็ต้องเปลี่ยนมาทำงานหรือเรียนจากที่บ้านแทน การรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดที่พึ่งผ่านไปเมื่อวันอังคารที่ 1 สิงหาคมแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าเทคโนโลยีวิดีโอคอลผ่านอินเตอร์เน็ตคือผู้ชนะในช่วงโควิดอย่างแท้จริงจนทำให้บริษัทมีกำไรเป็นกอบเป็นกำได้มากถึงขนาดนี้
รายงานตัวเลขผลกำไรในไตรมาสที่ 2 ล่าสุด $663.5 ล้านเหรียญสหรัฐทำให้ซูมกลายเป็นบริษัทที่มีคนหันมาจับตามองบน NASDAQ 100 เพราะนี่คือกำไรที่มากกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019 นอกจากนี้ยอดขายมูลค่า $663.5 ล้านเหรียญสหรัฐยังสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ให้ตัวเลขค่าเฉลี่ยเอาไว้อยู่ที่ $500 ล้านเหรียญสหรัฐได้และตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ก็สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ที่ $0.45 เซนต์กลายเป็น $0.92 เซนต์ได้เช่นกัน
หลังจากการรายงานผลประกอบการหุ้นของซูมก็ทะยานขึ้นทันที 47% มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นอีก $37,000 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งรวมแล้วทั้งสิ้นซูมมีมูลค่าตลาดในตอนนี้รวมอยู่ที่ $121,350 ล้านเหรียญสหรัฐกลายเป็นหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดของปีนี้หลังจากที่เปิดตัวมาในปี 2019 และมีมูลค่าตามตลาดในวันนั้นอยู่เพียง $16,000 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
จรวดขาขึ้นของซูมเมื่อวานนี้ทำให้มูลค่าของบริษัทสูงมากกว่าบริษัทคอมพิวเตอร์รุ่นทวดอย่าง IBM (NYSE:IBM) และบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเ้ตอร์ชื่อดังอย่าง AMD (NASDAQ:AMD) เสียอีก แน่นอนว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในตลาดลงทุนคำถามที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ “ถ้าจะซื้อหุ้นซูมตอนนี้จะสายเกินไปหรือไม่?”
ความสำเร็จจะยังเติบโตต่อไป
หากจะให้ยุติธรรมกับการประเมินมูลค่าของซูมตามความเป็นจริงนักลงทุนก็ต้องถามตัวเองกลับว่า “คิดว่าซูมจะยังได้รับความนิยมและมีโอกาสเติบโตได้อีกหรือไม่หลังจากวิกฤตโควิด-19 จบลง?” นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงหลายคนเชื่อว่าต่อจากนี้การติดต่อสื่อสารผ่านวิดีโอจะกลายเป็นมาตรฐานการสื่อสารใหม่ในโลกอนาคตอันใกล้ ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อว่าซูมจะสามารถทำกำไรตลอดทั้งปีได้ $2,390 ล้านเหรียญสหรัฐในขณะที่ตัวบริษัทซูมเองก็ประเมินไว้ว่าตลอดทั้งปีจะสามารถทำกำไรได้ $1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ
หัวหน้าฝ่ายการเงินของซูมนาง Kelly Steckelberg รายงานกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า “ดิฉันเชื่อว่าการสื่อสารผ่านวิดีโอจะไม่หายไปไหนและบริษัทเราก็เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาระบบวิดีโอคอลผ่านอินเตอร์เน็ต ดังนั้นเราจึงรับสมัครพนักงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านนี้เพื่อมารองรับความต้องการใช้งานที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ตอนนี้เราอาจจะได้เปรียบเพราะโควิด-19 ยังอยู่กับเราแต่เมื่อใดก็ตามที่มันจากไปแล้วบริษัทเราจะต้องยืนหยัดด้วยตัวเองให้ได้”
ธนาคารสำหรับการลงทุนชื่อดังหลายแห่งอย่างเช่น เจพีมอร์แกน โกลด์แมน แซคส์และ อาร์บีซี แคปปิทัลได้ปรับระดับราคาเป้าหมายของหุ้นซูมใหม่หลังจากที่เหลือรายงานผลประกอบการอันน่าเหลือเชื่อนี้ เจพีมอร์แกนเชื่อว่าหุ้นของซูมจะสามารถขึ้นถึง $425 ได้ภายในเดือนธันวาคมปี 2021 ซึ่งก่อนหน้านี้เจพีเคยตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่ $220 ภายในเดือนธันวาคมปีนี้ BTIG ได้เปลี่ยนระดับความน่าลงทุนของหุ้นซูมขึ้นจาก “ธรรมดา” เป็นระดับ “น่าซื้อ” และได้ปรับเป้าหมายของราคาหุ้นขึ้นเป็น $500 ด้วย
นักวิเคราะห์จากวงการบริการสื่อสารแบบครบวงจร (UCaaS) มองว่าในอนาคตทุกๆ องค์กรที่อยู่กันต่างสาขาอย่างเช่นโรงเรียน บริษัทเอกชน ฯลฯ จะเพิ่มรูปแบบการสื่อสารผ่านวิดีโอเข้ามาเป็นมาตรฐานหลักเหมือนอย่างที่สมัยก่อนทุกบริษัทต้องมีโทรเลข หากว่าซูมสามารถครองตลาดส่วนนี้ได้บริษัทซูมก็จะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่ต้องจับตามองเหมือนกับที่เราจับตาดูข่าวของกลุ่ม FANGMAN อยู่ตลอด
โกลด์แมน แซคส์ที่ก่อนหน้านี้เคยสบประมาทซูมด้วยการปรับลดระดับความน่าลงทุนของซูมลงก็ได้เปลี่ยนให้หุ้นของซูมขึ้นมาอยู่ในระดับ “ธรรมดา” แล้วพร้อมทั้งปรับเป้าหมายของหุ้นซูมขึ้นจาก $187 เป็น $420 โดยให้ความเห็นว่า “เรายอมรับว่าก่อนหน้านี้ประเมินสถานการณ์ของซูมผิดไปหลังจากที่เราได้เห็นความสามารถของทีมการจัดการ คุณภาพของงานวิดีโอและจุดขายที่แข็งแกร่งของบริษัท”
ตอนนี้บริษัทซูมอาจกำลังตกเป็นเป้าของการถูกควบรวมบริษัทจากยักษ์ใหญ่อย่างเช่นไมโครซอฟต์ กูเกิลและเฟซบุ๊กหลังจากที่ล่าสุดมีข่าวว่าซูมได้ทำสัญญาตกลงกับบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของอเมริกาอย่างเอ็กซอนเพื่ออัปเกรดระบบการทำงานภายในองค์กรให้มีความเป็นยุคดิจิทัลมากขึ้น เมื่อช่วงต้นเดือนเฟซบุ๊กและกูเกิลพึ่งประกาศว่าจะรองรับซูมให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบริการด้านฮาร์ดแวร์ด้วย
บลูมเบิร์กให้ความเห็นเกี่ยวกับการตกลงระหว่างซูมกับเฟซบุ๊กและกูเกิลว่า “อันที่จริงแล้วทั้งคู่ต่างก็มีระบบระบบสื่อสารผ่านวิดีโอของตัวเองอยู่แล้วแต่การจับมือกับซูมเพื่อเพิ่มความสามารถของการสื่อสารผ่านวิดีโอเข้าไปอีกคือการเสริมความแข็งแกร่งให้กับสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีอย่างแท้จริง”
โดยสรุปแล้ว
แม้ว่าหลังจากที่หุ้นซูมจะพุ่งสูงขึ้นมาขนาดนี้และอาจจะต้องมีการพักตัวกันบ้างแต่โดยรวมแล้วซูมถือว่าอยู่ในช่วงของการเติบโตที่ยอดเยี่ยม ตราบใดที่ซูมยังเป็นที่ต้องการสำหรับองค์กรหรือผู้คนที่ต้องใช้การสื่อสารผ่านวิดีโอและตราบใดที่บริษัทยังคิดที่จะพัฒนาคุณภาพการบริการและการจัดการภายในอย่างต่อเนื่อง หุ้นของบริษัทซูมก็ย่อมมีแต่ความเป็นไปได้ที่จะเติบโตมากขึ้น