กำไรปกติ 1Q63 ได้ภาวะภัยแล้งหนุนเติบโต QoQ และ YoY
แนวโน้มกำไรปกติเติบโตเล็กน้อย QoQ แม้ถูกกดดันจากความเข้มแสงที่ประเทศญี่ปุ่น เวียดนามและมองโกเลีย แต่ถูกชดเชยด้วยผลของฤดูกาลและภาวะภัยแล้งที่ช่วยหนุนความเข้มแสงในไทย และเติบโต YoY สูงจากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม (40 MW หรือ 30 MWe) และมองโกเลีย (15 MW หรือ 11 MWe) ขนาดรวม 45 MW (44 MWe) ซึ่ง COD ไปเมื่อปลายเดือน มี.ค. 62 และ ปลายเดือน ก.ค. 62 ตามลำดับ
กำไรปกติปี 2563 ทำระดับสูงสุดใหม่
เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2563 ที่ 877 ลบ. (+43.1% YoY) มีปัจจัยหนุนจาก 1) รับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการ Binh Nguyen ประเทศเวียดนามเต็มปี กำลังการผลิต 40 MW (30 MWe) ซึ่ง COD ไปเมื่อเดือน มี.ค. 62 2) รับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการ Khunsight Kundi ประเทศมองโกเลียเต็มปี กำลังการผลิต 15 MW (11 MWe) ซึ่ง COD ไปเมื่อเดือน ก.ค. 62 และ 3) เริ่มรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการ Yamaga ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 30 MW (27 MWe) คาดจะ COD ภายในสิ้นเดือน มิ.ย. 63 มี Upside จาก 1) โครงการ Solar rooftop ประเทศอินโดนีเซีย ที่จะเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2563 ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตในมือแล้ว 10 MW และมีกำลังผลิตใน Pipeline อีกราว 60 MW และ 2) โรงไฟฟ้าพลังงานลม ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 48 MW (38 MWe) คาดจะ COD ได้ภายในสิ้นเดือน ต.ค. 64 บริษัทยังคงเป้าที่ 400 MW ใน 3 – 5 ปีข้างหน้า
ปรับราคาเป้าหมายลง แต่ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
เราปรับราคาเหมาะสมปี 2563 ลงเป็น 10.50 บาทต่อหุ้น จาก 11.60 บาทต่อหุ้น โดยเพิ่มผลตอบแทนที่ต้องการของตลาดจาก 9% เป็น 10% เนื่องจากมีความเสี่ยงในการลงทุนที่มากขึ้น แต่ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" พร้อมคาดปันผลปี 2563 ที่ 0.38 บาทต่อหุ้น หรือให้ผลตอบแทนถึง 6.2% มี Upside gain จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนาม กำลังกำผลิต 48 MW (38 MWe) ประเมินเบื้องต้นมีผลให้ราคาเป้าหมายเพิ่มอีกราว 1.8 – 2.4 บาทต่อหุ้น ปัจจุบัน ซื้อขายบน PER2563 ต่ำเพียง 6.4 เท่า ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 6.10 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่าราคา IPO ถึง 20.8% ขณะที่กำลังการผลิตในมือมากกว่า 3 เท่า มีความเสี่ยงจากความผันผวนของสภาพอากาศและการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐ
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities