ภาพรวมการลงทุนวันนี้ - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,590-1,640 จุด เราคาดว่า SET จะผันผวนในกรอบแคบๆ หลังสัปดาห์ที่ผ่านมา (14-18 มิ.ย.) SET ปรับลดลง 23.58 จุด (-1.44%) โดยภาพรวมการลงทุนยังคงเผชิญกับความเสี่ยงต่อการปรับลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง จากการที่เฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด เพื่อรองรับการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าคาด อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกจากการเกิด Pent-up Demand หลัง ศบค. ผ่อนคลายล็อกดาวน์ในพื้นที่ กทม. และพื้นที่สีแดงเข้ม เรามองเป็นบวกหุ้นในกลุ่ม Domestic Play (Re-opening) ใน Core Investment ของเรา รวมถึงติดตามข่าวการฉีดวัคซีนอย่างใกล้ชิดหลังมี ข่าวว่ากรุงเทพฯ ได้รับวัคซีนเพิ่มช่วงปลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม เรายังคาดหมายจะเห็น SET จะกลับมา ฟื้นตัวในช่วงปลายสัปดาห์จากอัตราการดําเนินการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์ จากการ นําเข้าวัคซีนที่เพิ่มขึ้น เป็น Sentiment เชิงบวกต่อภาพรวมการลงทุน สัปดาห์นี้ติดตามการประชุม กนง. (23 มิ.ย.) และการประชุม BoE (24 มิ.ย.) - สัปดาห์นี้ติดตาม การประชุม กนง. (23 มิ.ย.) โดยเราคาดว่าคณะกรรมการ กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.25% รวมไปถึงยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่อง ขณะที่ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่การออกมาตรการ เพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมไปถึงติดตาม รายงานการประชุม Bol (23 มิ.ย.) และการประชุม BoE (24 มิ.ย.) โดยเราคาดว่า BOE จะยังคงใช้ นโยบายเชิงผ่อนคลายต่อรวมไปถึงการการคาดหมายที่จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังรัฐบาลอังกฤษประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ 1 เดือน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา • กลยุทธ์การลงทุนเน้น Selective ในกลุ่มหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และราคาหุ้นยังคง Laggard เพื่อลดความเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาด - เราคาดว่า SET ยังมีโอกาสผันผวน จากความกังวลต่อภาวะ ดอกเบี้ยขาขึ้น จากความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น ทําให้เราเลือกกลยุทธ์การลงทุน ในลักษณะ Selective ในหุ้นที่ยังคงมีราคา Laggard และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว จากประเด็นการผ่อน คลายมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศ การเปิดประเทศเพื่อรับการท่องเที่ยว ทั้งจาก Phuket Sandbox program และเป้าหมายการเปิดประเทศใน 120 วัน ซึ่งยังมีหลายอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ (1) กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เราเลือก AOT (BK:AOT) BAFS และ MINT (2) กลุ่มธนาคาร เราเลือก KBANK (BK:KBANK) และ KKP (3) กลุ่มสถานีบริการน้ํามัน เราเลือก PTG และ SUSCO (4) กลุ่มขนส่ง เราเลือก BEM (5) กลุ่มโรงพยาบาล เราเลือก BDMS และ CHG (6) นิคมอุตสาหกรรม เราเลือก WHA และ AMATA และ (7) กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เราเลือก CPN CRC ORI และ NOBLE
ความต้องการใช้น้ํามันดิบในช่วงที่เหลือของปี 2564 แข็งแกร่ง เราเลือก PTTEP เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม - เรายังคงมุมมองที่เป็นบวกต่อความต้องการใช้น้ํามันดิบโลกจะขยายตัวในช่วง มิ.ย.-ธ.ค. 64 มากกว่า ในช่วง 5M64 ที่ความต้องการใช้น้ํามันดิบเติบโต 5% โดยทั้งปี 2564 เราคาดว่าความต้องการใช้น้ํามันดิบ โลกจะเติบโตในกรอบ 6.596-7.0% ขณะที่การทยอยปรับประมาณการ GDP ทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่ม ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในปี 2565 ทําให้เราปรับมุมมองต่อราคาน้ํามันดิบจากแนวโน้ม Backwardation เป็น Contango (ราคาน้ํามันดิบเฉลี่ยในปี 2565 สูงกว่าปี 2564) เพิ่มน้ําหนักต่อการ ปรับประมาณการและราคาเป้าหมายกลุ่มพลังงาน แม้จะมีความเสี่ยงด้านอุปทานจากการที่ OPEC+ ทยอยปรับเพิ่มกําลังผลิต และความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะกลับมาส่งออกน้ํามันดิบเพิ่มในระยะใกล้ แต่การ ฟื้นตัวของความต้องการใช้น้ํามันดิบที่มีมากกว่า เพียงพอที่จะชดเชยปัจจัยลบดังกล่าว ประเด็นดังกล่าว เรามองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเราเลือก PTTEP (ซื้อ,ราคาเป้าหมาย 140 บาท) เป็นหุ้นเด่น (หุ้น Oil Play ได้แก่ PTT (BK:PTT) PTTEP BCP TOP และ SPRC) ติดตามรายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญวันนี้ - รายงานเศรษฐกิจที่สําคัญของจีน ได้แก่ อัตรา ดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีและ 5 ปี (คาดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปี จะอยู่ที่ 3.85% และอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี จะอยู่ที่ 4.65%) • มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,625 จุด
หุ้นแนะนําทางเทคนิควันนี้ได้แก่ ASIAN PROEN SABINA RT และ SIS
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities