เริ่มแล้ว ! Biden จะยกเลิกใบอนุญาตสร้างท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone XL ท่อขนส่งน้ำมันสำคัญจากแคนาดาสู่สหรัฐแบบกลางอากาศ ! เป็นหนึ่งในคำสั่งย้อนนโยบายทรัมป์ ที่จะออกทันทีตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่งประธานาธิบดีเพื่อเร่งเข้ากดดันพลังงาน Fossil Fuel แต่อาจสร้างความไม่พอใจให้กับประเทศแคนาดาเป็นอย่างมาก !
อย่างที่ทราบกันว่า โจ ไบเดน เตรียมวางแผนออกคำสั่งพิเศษหลายฉบับทันทีหลังสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีเพื่อย้อนคำสั่งของทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนพลังงานสะอาดหรือการต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโควิด เช่น
1. สหรัฐจะกลับไปเป็นสมาชิกตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) เพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อน
รัฐบาลทรัมป์ได้ถอนตัวจากความตกลงดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ทางไบเดนเตรียมเปลี่ยนแปลงการใช้พลังงานในภาคการขนส่ง โดยมีเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายใน 20 ถึง 30 ปีนี้
2. ยกเลิกนโยบายปิดกั้นผู้อพยพจากประเทศมุสลิมบางประเทศ
หลังจากทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเขาได้อนุมัติคำสั่งที่ปิดกั้นผู้เดินทางจากประเทศมุสลิมหลายประเทศให้ไม่สามารถเดินทางเข้ามาในสหรัฐได้ แต่กไบเดนต้องการกำจัดความเกลียดชังออกจากสังคมจึงจะเร่งคำสั่งยกเลิกนโยบายดังกล่าวทันที
3. บังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่หน่วยงานรัฐบาลและเมื่อเดินทางข้ามรัฐเป็นเวลาอย่างน้อย 100 วัน
เพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด นี่เป็นหนึ่งในนโยบายที่ทรัมป์ไม่ค่อยเห็นด้วยเลยไม่เคยออกกฏ แต่ตอนนี้ไวรัสระบาดได้คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปแล้วมากว่า 400,000 ราย ทางไบเดนจึงต้องเข้มงวดอย่างเต็มที่
- Biden จะยกเลิกการสร้างท่อขนส่งน้ำมันดิบที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการนำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดาสู่สหรัฐ !
การสร้างท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone XL นั้นเป็นประเด็นทางสิ่งแวดล้อมที่มีมานานแล้ว โดยท่อที่บริษัท TC Energy กำลังสร้างอยู่มีแผนที่จะเสร็จสิ้นในปี 2023 และจะสามารถนำเข้าน้ำมันดิบได้วันละ 8.3 แสนบาร์เรลต่อวัน (เพียงพอเกือบที่จะใช้ได้ในประเทศไทยทั้งประเทศ) มีมูลค่าโครงการกว่า 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเตรียมที่จะลำเลียงน้ำมันดิบจากรัฐ Alberta ในแคนาดาสู่รัฐ Nebraska ในสหรัฐ
โดยทางประธานาธิบดีโอบามาได้เคยกล่าวว่า "โครงการนี้ไม่มีอะไรดีต่อสหรัฐเลย" นอกจากจะเป็นการนำมลพิษเข้ามาเผาเพิ่มในประเทศ แต่เมื่อทางทรัมป์ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีเขาก็กลับสนับสนุนให้โครงการนี้สร้างไปได้ต่อ
มาถึงวันนี้... ทางไบเดนต้องการลดการใช้และการพึ่งพาพลังงาน Fossil Fuel ในประเทศสหรัฐเพื่อลดโลกร้อนเขาจึงจะทำการยกเลิกอีกครั้ง
- ทางแคนาดาแสดงความไม่พอใจอย่างมาก
ผู้ว่ารัฐ Alberta กล่าวว่าหากทางสหรัฐบกเลิกใบอนุญาตจริงๆกลางคันแบบนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแย่ลงทันที
และการสร้างท่อนี้ก็ได้ช่วยสร้างงานให้กับสหรัฐอย่างมากมาย อีกทั้งหากสหรัฐตัดท่อขนส่งน้ำมันนี้ไป ทางสหรัฐจะยิ่งต้องพึ่งพาน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางมากขึ้นอยู่ดี
เรียกได้ว่าอาจกลายเป็น ปัญหาระหว่างประเทศที่ใหญ่มาก
- ทางด้านผลกระทบต่อราคาน้ำมันนั้น ในระยะสั้นจะมีน้อยมากเพราะทางท่อยังสร้างไม่เสร็จ แต่กระทบในระยะยาวคืออาจทำให้ราคาน้ำมันในประเทศสหรัฐสูงขึ้นเนื่องจากจะมีอุปทานน้อยลง
แต่อย่างไรก็ตามผลกระทบต่อตลาดน้ำมันโลกในระยะยาวนั้นยังน้อย เพราะถ้าน้ำมันไม่ไปโผล่เข้าสหรัฐ แต่ยังสามารถขายออกไปทางอื่นได้ที่ราคาคุ้มทุนก็จะไม่ได้ทำให้อุปทานในโลกลดลงไป (แต่คงต้องใช้เวลามากทีเดียว เพราะปัญหาเรื่อง Logistic)
หลักๆแล้วในระยะยาวจะทำให้ส่วนต่างของราคาน้ำมัน WTI เทียบกับ Brent นั้นแคบลง แต่ไม่ถึงกับทำให้ราคาน้ำมันในโลกปรับตัวสูงขึ้นโดยทันที และสหรัฐจะต้องไปนำเข้าน้ำมันจากตะวันออกกลางเพิ่มขึ้่นไหมนั้นคงขึ้นอยู่กับปริมาณการผลิตน้ำมันในประเทศประกอบกับนโยบายในการใช้พลังงานจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไรอีกด้วย
ติดตามข่าวสารการลงทุนที่น่าสนใจไปกับ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP