ในขณะที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่กำลังเจ็ดปวดจากวิกฤตโควิด-19 แต่สำหรับบริษัทผู้ให้บริการภาพยนตร์สตรีมมิ่งเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) แล้วโควิด-19 คือพันธมิตรที่ช่วยอุ้มชูบริษัททั้งในแง่ตัวกิจการและราคาหุ้น เมื่อมนุษยชาติถูกบังคับให้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่แต่ในบ้านของตน จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่พวกเขาเหล่านั้นจะตัดสินใจเป็นสมาชิกบริการสตรีมมิ่งเพื่อหาภาพยนตร์มาดูเพื่อฆ่าเวลาหรือผ่อนคลาย อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้เริ่มจะกลับมาเป็นปกติ มนุษย์เรียนรู้แล้วว่าโควิด-19 คืออะไรและต้องใช้ชีวิตร่วมกับไวรัสนี้อย่างไร เมื่อผู้คนเริ่มออกจากบ้านมากขึ้น การใช้เวลากับเน็ตฟลิกซ์ย่อมน้อยลงซึ่งเน็ตฟลิกซ์ไม่ถูกใจสิ่งนี้
ในแง่ของการลงทุนเราจะเริ่มเห็นว่านักลงทุนเริ่มไม่เกาะกลุ่มอยู่เฉพาะหุ้นที่ทำกำไรได้ดีในช่วงวิกฤตแล้ว พวกเขาเริ่มขายหุ้นและออกไปหาหุ้นที่มีโอกาสเติบโตได้ดีกว่าในช่วงครึ่งปีหลัง การลงทุนในหุ้นที่ “คาดว่า” จะยังคงทำผลงานได้ดีท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 สู้การลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าถูกลงแต่เริ่มตั้งตัวได้แล้วและพร้อมจะกลับมาไม่ได้
การอิ่มตัวของผู้บริโภคที่ต้องถูกบังคับให้อยู่บ้านและมีความสุขได้จากการรับชมภาพยนตร์เท่านั้นอาจถึงจุดอิ่มตัวและส่งผลให้หุ้นเน็ตฟลิกซ์ปรับตัวลดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหลังการแพร่ระบาด ถ้าเป็นก่อนช่วงวิกฤต คนที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเน็ตฟลิกซ์อาจจะยังพิจารณาว่าจะเป็นสมาชิกดีหรือไม่ แต่ถ้าผ่านช่วงนี้ไปแล้วความเป็นไปได้ที่หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้นแล้วจะให้คนมาสมัครสมาชิกอาจจะมีน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ (ยกเว้นว่ามีการระบาดรอบที่ 2 ที่บังคับให้คนกลับไปอยู่บ้านเหมือนเดิม)
นอกจากนี้เน็ตฟลิกซ์ไม่ได้มีคู่แข่งเป็นเวลาเท่านั้น แต่ยังมีบริษัทอื่นที่กำลังพัฒนาธุรกิจภาพยนตร์สตรีมมิ่งของตนเองไม่ว่าจะเป็นยักษ์ฺใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์อย่างดิสนีย์ (NYSE:DIS) แอปเปิล (NASDAQ:AAPL) และแอมะซอน (NASDAQ:AMZN) ซึ่งพวกเขาพร้อมที่จะดูดผู้ชมไปจากเน็ตฟลิกซ์ได้ตลอด ในตอนนั้นหากเน็ตฟลิกซ์คิดที่จะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นอาจจะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากกว่าตอนนี้
อย่างไรก็ตามเน็ตฟลิกซ์ไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ขนาดนั้น พวกเขายังได้เปรียบอยู่เพราะตอนนี้เน็ตฟลิกซ์เป็นภาพยนตร์สตรีมมิ่งเจ้าเดียวที่สามารถมีบริการไปทั่วทั้งโลกได้ สรุปแล้วเราไม่ได้บอกว่าเน็ตฟลิกซ์หมดช่วงขาขึ้นแล้วเพียงแต่อาจจะต้องยอมถอยร่นลงมาเพื่อหาแรงซื้อเพิ่มใหม่ในอนาคต
ภาพการวิเคราะห์ทางเทคนิคน่าจะช่วยให้คุณผู้อ่านเห็นภาพได้ง่ายขึ้น
วันศุกร์ที่แล้วถือเป็นวันที่ 4 ที่หุ้นเน็ตฟลิกซ์ปรับตัวลดลงมาเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันซึ่งราคาได้หลุดเส้นเทรนด์ไลน์ขาขึ้นที่ใช้อ้างอิงเป็นแนวรับมาตั้งแต่จุดต่ำสุดเดือนมีนาคมลงมาในวันพฤหัสบดี การทะลุเส้นเทรนด์ไลน์เส้นนี้ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะก่อนหน้านี้หุ้นเน็ตฟลิกซ์ได้แสดงท่าทีที่อ่อนแรงของขาขึ้นมาตั้งแต่การทะลุเส้นเทรนด์ไลน์ (เส้นประสีดำ) ได้ครั้งที่แล้ว
เหตุผลสนับสนุนขาลงประการที่สองคือยอดล่าสุดของแนวโน้มขาขึ้นแม้จะปรากฎในราคาแต่ไม่ปรากฏในอินดิเคเตอร์อย่าง MACD แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นแนวโน้มขาขึ้นแต่เป็นขาขึ้นที่อ่อนแรงแล้วหรือที่เรียกกันว่าไดเวอร์เจนต์ (Divergence) แต่เรายังคงยืนยันคำเดิมว่านี่คือการย่อลงมาเท่านั้นไม่ใช่การเปลี่ยนแนวโน้ม
เมื่อพูดถึง MACD แล้วเราก็จะมาดูพฤติกรรมของอินดิเตเตอร์กันบ้าง จากอินดิเคเตอร์ MACD จะเห็นได้ว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นได้ตัดกับเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาวหลังจากที่ราคาขึ้นสู่จุดสูงสุดล่าสุด ในอินดิเคเตอร์อื่นๆ อย่าง RSI หรือ ROC ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าราคาเข้าสู่แนวโน้มขาลงแล้วเช่นกัน จะเห็นได้ว่าเราสามารถลากกรอบขาลงได้ตั้งแต่ราคาจริงยังไม่ปรับตัวลงมา
อย่างไรก็ตามกราฟมีแนวรับสำคัญอยู่ที่ $350 ซึ่งเราจะเห็นแนวรับนี้ชัดขึ้นจากกราฟรายสัปดาห์
ในกราฟรายสัปดาห์จะเห็นว่าหุ้นเน็ตฟลิกซ์ก่อนหน้านี้ฟอร์มตัวเองในรูปแบบสามเหลี่ยมมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2018 ถึงมีนาคมปี 2020 ถ้าราคาจะย่อกลับลงมาจริง ระดับราคา $350 คือค่าเฉลี่ยของแนวรับบริเวณนั้น
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอให้ราคากลับลงมาทดสอบแนวรับที่รูปแบบสามเหลี่ยมก่อนที่จะตามแนวโน้มหลักขึ้นไป
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง เทรดในรูปแบบเดียวกันกับกลุ่มที่ไม่ชอบความเสี่ยงแต่จะไม่รอแท่งเทียนยืนยันขาขึ้น
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะเสี่ยงเทรดลงตามการย่อของราคา
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $450 (บริเวณขาขึ้นในช่วงก่อนที่สหรัฐฯ กลับมาเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจ)
- Stop-Loss: $460 (เหนือจุดสูงสุดตลอดกาลวันที่ 19 พฤษภาคม)
- ความเสี่ยง: $10
- เป้าหมายในการทำกำไร:$400 (ตัวเลขจิตวิทยาเหนือจุดสูงสุดของเดือนกุมภาพันธ์, ตรงบริเวณที่แนวต้านกลายเป็นแนวรับ)
- ผลตอบแทน: $50
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:5