Loss of confidence SET: ภาพของ SETIndex ล่าสุดในสัปดาห์นี้ดูเหมือนจะปรับตัว Underperform ตลาดหุ้นขึ้นอย่างชัดเจน โดยส่วนใหญ่คาดเกิดจากการทยอยขาดความเชื่อมั่น ของนักลงทุนต่อสถานการณ์โรค Coid-19 และการกระจายวัคซีนภายในประเทศ ซึ่งถือว่ามีภาวะที่ไม่สู้ดีกนัก ทั้งจํานวนผู้ติดเชื้อรายวันทึกสับมาสูงขึ้น และการ กระจายรัดขึ้นที่หาได้ไม่ตามเป้าเท่าที่ควร ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ย่อมท่าให้เกิด ศาถามขึ้นในสังคมต่อประเด็นการเปิดประเทศในช่วงถัดไปว่ะ 1) จะทาได้หรือไม่ หรือ 2) หากท่าแล้ว จะมีการเดินทางสัญจรเข้ามาของผู้คนต่างๆในระดับสูงหรือไม่ Strategy: จากปัจจัยต่างๆเหล่านี้ เรายังคงกําหนดกลยุทธ์การลงทุนรอซื้อเมื่อ ดัชนีค่ากว่า 1600 จุด ซึ่งล่าสุด SET Index ปีดต่ํากว่าระดับนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แนะนําการเข้าซื้อในลักษณะทยอยเพิ่มน้ําหนัก กล่าวคือหากดัชนีใกล้ 1600 จุด อยู่ยังไม่ต้องเพิ่มน้ําหนักมากนัก แต่หากดัชนีปรับองค่าใกล้ระดับแนวรับ เดือนนี้ของเราที่ 1550 จุด มากเท่าไหร่ ให้ใช้เป็นจุดในการเพิ่มน้ําหนัก มากยิ่งขึ้น Powel: สาหรับการตอบคําถามของนาย Jerome Powell ต่อหน้าสภาสหรัฐฯเมื่อ คืนนี้ไม่ได้มีอะไร Surprise มากนัก โดยนาย Powel ยังคงเน้นย่าถึงระดับเงินเฟ้อ ที่ Spike ขึ้นมาในช่วงนี้ว่าน่าจะเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเหมือนเดิม ส่งผล Sentiment ด้านบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ แต่กลับกลายเป็นท่าให้ Bond ield ระยะยาวลดลงเล็กน้อย ในขณะที่ Yield ระยะสั้นยังคงขยับขึ้น ส่งผลให้ความชัน Yield curve ของสหรัฐฯล่าสุดปรับตัว Flattening อีกครั้ง Growth & Defensive preferred: สอดคล้องกับธีมการลงทุนของเราในช่วง นี้ที่ว่ากลุ่มหุ้น Growth และ Defensive มีแนวโน้มที่จะ Outperform กลุ่มหุ้น Value ต่อไป ในส่วนของกลุ่มหุ้น Growth ที่ชัดเจนที่สุดในตลาดหุ้นบ้านเราตอนนี้ ก็คือกลุ่มกัญชง ซึ่งในวันนี้เรามีบทวิเคราะห์ตัวหุ่น KWM ออกมา ประเมิน EPS ส่วนเพิ่มจากการผลิตเครื่องสกัดและรับจ้างสกัดสารต่อ 10 เครื่อง/ปี อยู่ที่ 0.01 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 5% ของ Consensus EPS ในตลาด ทั้งนี้ หากในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทสามารถรับจ้างผลิตได้ถึง 60 เครื่องตามเป้า มองว่า จะสร้าง Upside ให้กับกําไรอย่างสําคัญได้ เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุน คงที่ ส่วนในกลุ่ม Defensive เช่น Utility วันนี้มีข่าว Surprise เล็กๆในตลาด สําหรับตัวของ RATCH ที่ประกาศเพิ่มทุนออกมา คาดอาจเป็นปัจจัยกดดัน เฉพาะตัวได้ในวันนี้ MPC: สําหรับปัจจัยสาคัญในวันนี้ ได้แก่ การประชุมกนง.ของไทย ซึ่งมีประเด็นที่ น่าติดตามดังต่อไปนี้
1) ประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆรอบใหม่ โดยเฉพาะตัวเลข GDP ที่เราคาดว่าจะถูกหุ้นลงเหลือขยายตัวราว 2% สําหรับปีนี้ โดยเป็นการปรับลด คาดการณ์การบริโภคภาคเอกชนและปริมาณการส่งออกบริการ (ภาคการท่องเทียว) เป็นสาคัญ
2) ประมาณการสมมติฐานนักท่องเที่ยวต่างชาติรอบใหม่ และการท่า Scenario analysis ของธปท.ต่อจํานวนการฉีดวัคซีนในปีนี้ ซึ่งหากดูจากการประเมินในครั้งก่อน ต้องถือว่าธปท.ค่อนข้างที่จะมีมุมมองที่ Bullish พอสมควร 3) ประมาณการดุลบัญชีเดินสะพัด ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมหรือไม่ หาการปรับลดคาดการณ์ลงอีก มองเป็นปัจจัยกดดันค่าเงินบาทต่อไป
Beware: ทั้งนี้ เรายังคงมีมุมมองระมัดระวังต่อ 2 ตัวแปรเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ ของไทยในข้างต้น กล่าวคือ
1) การบริโภคภาคเอกชนะ ซึ่งในช่วงถัดไปประเมินว่าจะยังคงอยู่ในลักษณะของการพื้นด้วอย่างช้าๆ ตาม Income expectation ในอนาคตที่ยังคงอยู่ใน ระดับต่า ทําให้คนมีท่าทีที่จะจํากัดการใช้จ่าย ถึงแม้ว่าจะมีมาตรการจากทาง ภาครัฐออกมาก็ตาม แต่หากดูจากกระแสตอบรับล่าสุด พบว่าไม่สู้ดีเท่าที่ควร โดยในส่วนของมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้มีการสมัครขอรับสิทธิ์ไปเพียงแค่ 3.5 แสน สิทธิจากทั้งหมด 4 ล้านสิทธิเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะด้วยข้อจํากัดต่างๆ ไม่ว่า จะเป็น I) การจํากัดยอดบิลต่อวันที่ 5,000 บาท II) ส่วนลดการใช้จ่ายที่อยู่ เพียงแค่ระดับ 10%-15% III) การคืนเงินที่ไม่ได้อยู่ในรูปของเงินสด แต่อยู่ใน รูปของ E-Voucher ที่ต้องนํากลับมาซื้อสินค้าใหม่อีกต่อหนึ่ง ในส่วนของ Implication ต่อด้วหุ้น ประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในแง่ของ ก่าไรบ.จ.ไม่มากนัก โดยคาดกลุ่มสินค้าจําเป็น (Staple) และ ร้านอาหารจะได้ประโยชน์มากกว่ากลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Discretionary) เนื่องด้วยข้อจํากัดขนาดของบิลที่ไม่ใหญ่มาก และ ระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 3 เดือนจนทําให้คนสามารถที่จะน่าวงเงิน ดังกล่าวมา Apply กับการใช้จ่ายสินค้าที่จําเป็นในการดํารงชีวิตปกติอยู่แล้ว
2) การท่องเที่ยว: คาดว่าจะมีอุปสรรคระหว่างทางเช่นกัน ถึงแม้จะมีการเบิกร่องโครงการต่างๆ เช่น Phuket Sandbox และการเปิดเมืองในหลายจังหวัดทาง ภาคใต้ เนื่องจากประเด็นสําคัญไม่ได้อยู่ที่ความสะดวกสบายในการเดินทาง เท่านั้น แต่อยู่ที่ความเชื่อมั่นของผู้เดินทางเข้ามาด้วยเช่นกัน ตราบใดที่จํานวน ผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวันของไทยยังอยู่ค่อนข้างสูง ประเมินว่าความมั่นใจ ในการเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติหรือคนไทย ด้วยกันเองนั้น อาจจะยังปรับขึ้นได้ไม่มากนัก ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลของเรา ล่าสุด พบว่าความเสี่ยงที่น่ากังวล ณ ขณะนี้มีอยู่ 2 ประเด็นหลัก กล่าวคือ
I) ระดับการติดเชื้อรายวันที่ยังคงอยู่สูง และดูน่ากังวลมากขึ้นไปอีก เนื่องจากมีสัดส่วนจํานวนผู้ติดเชื้อต่อจํานวนการตรวจที่มากขึ้นเรื่อยๆ และ
II) จํานวนการฉีดวัคซีนต่อวันที่มีแนวโน้มที่ลดลงในช่วง หลัง และยังคงห่างไกลจากระดับที่ต้องทําได้ต่อวันที่ 3.2 แสนโดส เพื่อที่จะ ไปให้ถึงเป้าหมาย 50 ล้านโดสภายในเดือนตุลาคมนี้ ด้วยเหตุนี้ ใน ส่วนของ Implication ต่อด้วหุ้นนั้น มองว่าการลงทุนในหุ้นธีม Reopening นั้นสามารถทําได้ แต่ยังอยากจะให้เน้นไปยังตัวหุ้นที่มี Valuation ต่ากว่าค่าเฉลี่ยไว้ก่อน เพื่อป้องกันความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น ระหว่างทางจนบันทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในช่วง 120 วันต่อจากนี้
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities