สรุป แม้ว่าราคาจะทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ครั้งใหม่บริเวณ 1,783.64 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. อย่างไรก็ดี ราคาทองคําปรับตัว ขึ้นจนเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) ทําให้ราคาทองคําเริ่มเผชิญกับแรงขายกําไร ประกอบกับยูโรอ่อนค่าลง หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งยูโรโซนที่ ออกมา “แย่เกินคาด” อาทิ ยอดค้าปลีกของเยอรมนีร่วงลง 2.8% ในเดือนต.ค. โดยร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจจะลดลง 0.6% และ ดัชนี ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายในเขตยูโรโซนจาก S&P Global เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด สู่ระดับ 47.1 จากระดับ 46.4 ในเดือนตุลาคม และยังคงต่ํากว่า 50 ซึ่งสะท้อนการหดตัวของภาคการผลิต ปัจจัยดังกล่าวกดดันยูโรให้ร่วงลง พร้อมกับหนุนดัชนีดอลลาร์ให้ฟื้นตัวจากระดับต่ําสุดในระหว่างวัน จนเป็นที่มาที่อยู่เบื้องหลัง การพักตัวลงของทองคํา ในทางเทคนิค หลังจากราคาทองคําไม่สามารถยืนเหนือแนวด้านระดับ 1,786-1,802 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างมั่นคง ทําให้เกิดแรงขายกดดันให้ ราคาลงมาสะสมแรงซื้ออีกครั้ง โดยมีแนวรับบริเวณ 1,759-1,744 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในแง่ของกลยุทธ์การลงทุน แนะนํารอราคาอ่อนตัวลงหากสามารถยืนเหนือ 1,759 1,744 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ สามารถเปิดสถานะซื้อโดยตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,744 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สําหรับการขายทํากําไรอาจพิจารณาดูบริเวณ 1,786 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ สําหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผย Core PCE, จํานวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก ISM
คําแนะนํา เปิดสถานะซื้อ $1,759-1,744
จุดทํากําไร ขายเพื่อทํากําไร $1,786-1,802
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลุด $1,744
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th