Asia: คาด Sentiment ตลาดหุ้นเอเชียดขึ้นเช่าวันนี้จาก 2 ปัจจัยได้แก่
1) การที่ทางการจีนเริ่มตระหนักถึงความกังวลของนักลงทุนในตลาดทุน จนอาจนํามาสู่การพยายามปรับความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบัน การเงินต่างๆ และบริษัทที่โดนผลกระทบก่อนหน้านี้ และ
2) ผลการประชุม FOMC เมื่อคืนนี้ที่ออกมาในโทน Dowish เล็กน้อย (รายละเอียดด้านล่าง) SET: ในส่วนของ SET Index นั้น ล่าสุดดูเหมือนดัชนีที่ 1530 จุดยังคง เป็นฐานที่แข็งแกร่งในรอบนี้ โดยเรามองว่ามีสาเหตุมาจาก 1) ประมาณการ EPS ปีหน้าของ SET ที่ยืนเหนือระดับ 96 บาทได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในมาตรวัดของ EYG นั้น SET Index ที่ระดับ 1530 จุดจะทําให้ระดับ EYG อยู่สูงถึงระดับ +1SD 2) ราคาน้ํามันดิบที่ยืนเหนือ 70 เหรียญฯได้ต่อเนื่อง จากภาระ Deep backwardation ถือเป็นปัจจัยประคับประคองกลุ่ม Oil & Gas
3) ไม่มีการออกมาตรการ Lockdown ในประทศที่เข้มข้นมากขึ้นแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจะพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งไม่ถือเป็นเรื่องที่ Surprise เราแต่อย่างใด จากสัดส่วน Detection rate ที่สูงขึ้น Strategy: คาด SET Index จะยังอยู่ในโหมดของการสร้างฐานที่ระดับ 1530 จุดและค่อยๆไต่ระดับขึ้นได้ต่อจากนี้ ดังนั้นจึงแนะนําถือครองกลุ่ม หุ้นแนะนําประจําเดือนได้ต่อไป ซึ่งในวันนี้เรามีออกบทวิเคราะห์ 1 ตัวใน นั้น ได้แก่ SCGP (รายละเอียดด้านล่าง) FOMC: ไฮไลท์จากผลการประชุม FOMC เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้แก่ 1) ใน Statement ที่ออกมาบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวได้ดีต่อเนื่องแต่ในบาง Sector ยังไม่สามารถกลับไปยังจุดเต็มช่วง Pre-Covid ได้ 2) คําพูดของนาย Jerome Powell ประธาน Fed หลังการประชุม เน้นย่าถึงภาวะตลาดแรงงานที่ยังคงห่างไกลจากเป้าหมาย Maximum ลดระดับการผ่อนคลายนโยบายการเงินลง 3) Reaction ของตลาดหลังการประชุมพบว่า Bond yield สหรัฐฯรุ่นยาวย่อตัวลงเล็กน้อย รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ เช่นทองค่าและหุ้นปรับตัวขึ้นเล็กน้อย มองเป็น Sentiment เชิงบวกเล็กๆต่อตลาดหุ้นเอเชียเช้าวันนี้แนวรับ 1,520 แนวต้าน 1,548
บทวิเคราะห์วันนี้SCGP (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 78 บาท) SCGP รายงานกาไรสุทธิ 2.2 พันล้านบาท +19%% YoY, +6%% QoQ คาดแนวโน้ม 2H21 ตึกว่า 1H21 HMPRO (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 17.20 บาท) กําไร 2Q64 โตจากฐานต่า....ราคายัง Laggard กลุ่ม
SCGP: แนะน่า “ซื้อ” ในเชิงพื้นฐานที่ราคาเป้าหมาย 78 บาท สําหรับผล ประกอบการไตรมาส 2/64 ที่ออกมานั้นถือว่าทําได้ดี แถมมีการปิดดีลที่ประเทศ เวียดนามเพิ่มเติมอีกพร้อมรับรู้กําไรในไตรมาส 3/64 ทันที่ราว 200 ล้านบาท/ไตรมาส ไม่นับรวมกับอีก 2 ตีลที่เตรียมปิดเพิ่มเติมในไตรมาส 3 คือ Intan Group ผู้ผลิต กระดาษลูกฟูกประเทศอินโดนีเซีย และ Deltalab ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุอุปกรณ์ทาง การแพทย์จากสเปน ซึ่งเราประเมินว่าจะช่วยเพิ่มกําไรตั้งแต่ไตรมาส 4/64 อีก 100-120 ล้านบาท/ไตรมาส ประเมินเป็นอีกหนึ่งตัวหุ้นที่จะมี Earnings momentum เชิงบวก ต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง แต่ด้วยระดับราคาที่ Outperform ตลาดขึ้นมาแล้วกว่า 8% MTD แถม EV/EBITDA ปัจจุบันยังอยู่ในระดับเกือบสูงสุดนับตั้งแต่เข้าตลาด (รูปที่ 1) ใน เชิงกลยุทธ์ จึงแนะ “ซื้อเมื่ออ่อนด้ว" หรือเข้าลงทุนหุ้นบรรจุภัณฑ์ตัวอื่นที่ราคา ยังคง Laggard อยู่อย่างเช่น UTP, SFT, SFLEX เป็นต้น HMPRO: รายงานกําไรไตรมาส 2/64 เท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเดิบโต YoY จากฐานต่ําและจํานวนวันเปิดบริการที่เพิ่มขึ้น ส่วนการเติบโต QoQ เกิดจากการจัดงาน HomePro Super Expo แม้ในเชิงพื้นฐาน เรายังคงค่าแนะนา “ชื่อ" ที่ราคา เป้าหมาย 17.2 บาท แต่ในเชิงกลยุทธ์ ประเมินด้วหุ้นยังขาดความน่าสนใจใน ระยะสัน เนื่องจาก Earnings momentum ที่จะหดตัวลงในไตรมาส 3/64 จาก มาตรการ Lockdown ที่เกิดขึ้นล่าสุด
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities