มหกรรมลดราคา Black Friday เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตอนนี้! ห้ามพลาดกับส่วนลดสูงสุดถึง 60% InvestingProรับส่วนลด

ประเทศต่างๆในโลกมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกันอย่างไรบ้างในช่วงวิกฤตโควิด-19?

เผยแพร่ 08/06/2563 15:26
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ประเทศต่างๆทั่วโลกทุ่มเงินกันไปเท่าแล้วบ้างเพื่อต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโควิด-19 นี้ ?

เศรษฐกิจทั่วโลกนั้นกำลังโดนกระทบจากไวรัสโควิด-19 กันอย่างถ้วนหน้า และแน่นอนว่าปีนี้โลกของเราคงนี้ไม่พ้น Recession หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ตอนนี้ตัวเลข GDP ของโลกในปีนี้ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้คือติดลบ -3% ทั้งโลกโดยรวม

แต่ตัวเลขเศรษฐกิจนี้จะออกมาดีหรือแย่กว่าที่คาด ? จะมีประเทศไหนที่ออกมาดีกว่าหรือแย่กว่าที่คาด ?

ทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศว่าเพียงพอและได้ผลหรือไม่ ซึ่งทางเราได้รวบรวมมาให้แล้วในโพสต์นี้

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆนั้นจะแบ่งออกได้เป็น 2 ภาคใหญ่ๆก็คือ Monetary policy กับ Fiscal Policy

1. Monetary policy คือ นโยบายการเงิน - ที่กำหนดโดยธนาคารกลางต่างๆของโลก

2. Fiscal Policy คือ นโยบายการคลัง - คือเงินช่วยเหลือกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลหรือกระทรวงการคลัง

โดยนโยบายทั้งสองอย่างนั้นต้องสอดคล้องกันถึงจะทำให้เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนได้ จะมีแค่อย่างเดียวไม่ได้ เพราะหากธนาคารกลางลดดอกเบี้ยเพื่อให้เกินสภาพคล่องในตลาด ช่วยต่ออายุบริษัทต่างๆที่มีภาระหนี้สิน แต่สุดท้ายหากบริษัทต่างหรือประชาชนยังไม่มีเงินหรือรายได้มาชดเชยจากสิ่งที่ขาดหายไปเพราะการ Lock Down การใช้จ่ายก็จะไม่เกิดขึ้น เศรษฐกิจก็จะไม่ครบวงตรและไม่เดินหน้าต่อไป ทางรัฐบาลจึงต้องอัดฉีดเงินเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไปอีกแรง

#ทันโลกกับTraderKP

ประเทศไหนดูแล้วทุ่มแรงกระตุ้นเยอะที่สุด ?

ทางด้านนโยบายการเงินฝั่งประเทศพัฒนาแล้ว (ชื่อต้นๆ) จะเห็นได้ชัดเลยว่าลดดอกเบี้ยกันจนเป็นศูนย์หรือติดลบหมดแล้วเรียกได้ว่าทุ่มกันสุดๆ เท่านั้นยังไม่พอยังต้องมีการเข้าซื้อพันธบัตรเพื่อเพิ่มสภาพคล่องด้วย ส่วนทางประเทศที่กำลังพัฒนาส่วนใหญ่นั้นยังพอเหลือดอกเบี้ยให้ลดอยู่อีกพอสมควร

ทางด้านนโยบายการคลังหลายคนอาจจะตกใจกับตัวเลขของทางสหรัฐ ที่รัฐบาลทรัมป์อัดฉีดช่วยเหลือไปแล้วกว่า 2 ล้านล้านเหรียญ ! มากที่สุดในโลกเลย แต่ถ้าไปดูเป็น % ของ GDP แล้วยังแต่พอๆกับแคนาดาที่ 10% ยังเทียบไม่ได้กับญี่ปุ่นเลยที่อัดฉีดเข้าไป 20% ของ GDP แล้ว !

ซึ่งแน่นอนประเทศไหนยิ่งทุ่มเงินเยอะก็จะกลายเป็น ภาระหนี้ที่รัฐบาลต้องหากลับมามากขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นจากรายได้ที่มากขึ้นของประเทศหรือผ่านการเก็บภาษี

บทวิเคราะห์นี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย