รีวิวหนังสือ Trade Like A Stock Market Wizard
2 เล่มนี้ แปลจากต้นฉบับเดียวกัน แต่แปลโดยคนละคนกัน เนื้อหาเหมือนกัน ต่างกันที่สำนวนภาษา
ผมซื้อเล่มปกขาวมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว หยิบติดมือทุกครั้งเวลาไปต่างจังหวัด แต่ไม่รู้ทำไมอ่านไม่จบซักที
ล่าสุดสำนักพิมพ์ INVESTING.in.th ส่งปกใหม่มาให้ อ่านจบใน 2 วัน
ผมว่าไม่ใช่เรื่องความขี้เกียจอ่านหนังสือหรอก แต่หนังสือบางเล่มมันมีเวลาของมัน 2 ปีก่อนเราอ่านแล้วไม่อิน แต่พอเวลาผ่านไป ประสบการณ์มากขึ้น อ่านรู้เรื่องมากขึ้น เข้าใจมากขึ้น ทำให้อ่านแป็บเดียวก็จบ
มาร์ค มิเนอร์วินี บอกว่าช่วง 6 ปีแรกที่ลงทุนตอนต้นทศวรรษ 1980 แทบจะไม่กำไรเลย ขาดทุนด้วยซ้ำ แต่ด้วยความมุ่งมั่นแบบไม่ยอมแพ้ ทำให้สามารถทำกำไรได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 220% ต่อปี ในช่วงปี 1994-2000 คิดเป็นกำไรรวมทบต้นมากถึง 33,500%
====================
มาร์ค เป็นนักลงทุนสาย Techno-Fundamental คือ Hybrid ผสมผสานกันทั้งพื้นฐาน และเทคนิคอล หลักการของมาร์คือ SEPA (Specific Entry Point Analysis) เป็นการวิเคราะห์การซื้อแบบเจาะจง มี 5 องค์ประกอบ คือ
1. แนวโน้ม (Trend) มองที่เป็นขาขึ้น
2. ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamentals) เลือกหุ้นที่มีพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของรายได้ อัตรากำไร และผลกำไร ถ้าเพิ่มขึ้นแบบน่าประหลาดใจหรือมากกว่าควาคาดหวังยิ่งดี
3. ตัวเร่ง (Catalyst) เช่น สินค้าใหม่ CEO ใหม่ สัญญาใหม่ ตัวเร่งอาจเห็นไม่ชัด เราต้องคอบเป็นนักสืบดูเรื่องราวที่จะบอกใบ้ถึงศักยภาพของบริษัท
4. จุดซื้อ (Entry Points) ซื้อในจุดที่ถูกต้อง ซื้อในจุดที่มีความเสี่ยงต่ำ มีปริมาณการซื้อขายที่สนับสนุนโดยสถาบัน
5. จุดขาย (Exit Points) ขายเพื่อรับผลตอบแทนชั้นยอดที่ต้องการ แต่ต้องมีการวางจุด Stop Loss ด้วย
ในแง่ของราคาหุ้น มาร์คแบ่งออกเป็น 4 Stage
Stage 1 ช่วงที่หุ้นถูกละเลย : หุ้นกำลังทำฐานใหม่ (Neglect Phase: Consolidation)
Stage 2 ช่วงที่ราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้น : หุ้นกำลังถูกซื้อสะสม (Advancing Phase: Accumulation)
Stage 3 ช่วงที่ราคาหุ้นถึงจุดสูงสุด : หุ้นเริ่มถูกทยอยขาย (Topping Phase: Distribution)
Stage 4 ช่วงที่ราคาหุ้นลดต่ำลง : ช่วงขาลง การพังทลายของราคาหุ้น (Declining Phase: Capitulation)
มาร์คจะไม่ซื้อหุ้นที่ stage 1 ไม่ว่าราคาจะลงไปต่ำแค่ไหนก็ตาม แต่จะรอจนกว่าหุ้นจะเข้า stage 2 ราคาหุ้นวิ่งขึ้นอย่างน้อย 25-30% จากช่วงก่อนหน้านั้น ปริมาณการซื้อขายพุ่งขึ้น ราคาหุ้นยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน พูดง่ายๆ คือ ซื้อหุ้นแนวโน้มขาขึ้น ผลประกอบการดี มีตัวเร่งให้เห็น
=============
นอกจากนี้สิ่งที่ผมชอบมากๆ จากหนังสือของมาร์ค คือ เรื่อง Mindset การลงทุน ที่อ่านแล้วโดนใจ พูดจากภาคปฏิบัติของคนที่ลงทนจริง ขาดทุนจริง และกลับมามีกำไรมหาศาลจริง เช่น
-
เริ่มต้นที่คิดว่า “ขาดทุนได้เท่าไหร่” ไม่ใช่คิดว่า “จะได้กำไรเท่าไหร่”
-
ถ้าคุณไม่เรียนรู้ที่จะยอมรับการขาดทุนก้อนเล็ก ไม่ช้าก็เร็วคุณจะต้องประสบการขาดทุนครั้งใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
-
การอธิษฐานและคาดหวังให้ราคาหุ้นฟื้นคืนจากการขาดทุนไม่ควรอยู่ในความรู้สึกของคุณ ตลาดไม่ได้สนใจกับสิ่งที่คุณหวังจะให้เกิดขึ้น
-
ฝึกฝนซ้ำๆ ในเรื่องที่ไม่น่าตื่นเต้น เพื่อให้ได้ความสำเร็จที่น่าตื่นเต้นซ้ำๆ
-
การทำบางอย่างที่ไม่สมบูรณ์แบบ ย่อมดีกว่าการไม่ทำอะไรเลยแบบไม่มีที่ติ
-
คุณจำเป็นต้องตัดสินใจให้ถูกต้อง 3 ประการ คือ ซื้ออะไร ซื้อเมื่อไหร่ และขายเมื่อไหร่
ถึงแม้ว่าในบางครั้ง จะมีบางคนมาบอกคุณว่า “คุณทำมันไม่ได้หรอก”
แต่ให้จำไว้ว่า “ไม่มีใครทำให้คุณรวยได้ ยกเว้นตัวคุณเอง”
มีวินัย ทำอย่างสม่ำเสมอ วางแผนทุกครั้งก่อนลงทุน
เมื่อคุณมุ่งมั่นในสิ่งใดก็ตาม คุณจะไม่เลือกสิ่งอื่นเลย นอกจาก “ความสำเร็จ”
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins - วิตามินหุ้น