รับส่วนลด 40%
🔥 กลยุทธ์การหุ้นคัดเลือกโดย AI ของเรา หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ ทะยานขึ้น +7.1% ในเดือน พฤษภาคม เข้าเทรดขณะหุ้นกำลังมาแรงรับส่วนลด 40%

5 เหตุการณ์สำคัญ ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (24 - 28 ก.พ.)

เผยแพร่ 24/02/2563 10:16
© Reuters.
EUR/USD
-
USD/JPY
-
AUD/USD
-
US500
-
BA
-
MSFT
-
AAPL
-
SPGI
-
MAR
-
M
-

โดย Noreen Burke

Investing.com - ห้าประเด็นที่คุณควรทราบก่อนเริ่มต้นสัปดาห์นี้มีดังต่อไปนี้
  1. G20 ประกาศใช้มาตรการที่สอดคล้องกันเพื่อตอบโต้การระบาดของไวรัสโคโรนา

คณะกรรมการทางการเงินจากประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้ง 20 ประเทศได้เข้าร่วมการประชุมเมื่อวันเสาร์ และได้ประกาศใช้มาตรการที่สอดคล้องกันเพื่อรับมือกับการระบาดซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้คาดการณ์ไว้ว่าการระบาดครั้งนี้จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงเหลือ 5.6% และทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง 0.1%

ผู้อำนวยการจัดการ IMF นาง Kristalina Georgieva ได้กล่าวไว้ ณ ที่ประชุมคณะกรรมการทางการเงินและผู้ว่าธนาคารกลางของกลุ่มประเทศ G20 ว่า “แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องเตรียมรับมือหากสถานการณ์ย่ำแย่ลงไปกว่านี้ หากการระบาดของเชื้อไวรัสยังคงดำเนินต่อไปอีกเป็นระยะเวลานานและกระจายไปยังทั่วโลก และหากผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจมีความยืดเยื้อ"

ทางการจีนได้รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลงเมื่อวานนี้ แต่ทางองค์การอนามัยโลกกลับเตือนว่าขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่าการระบาดเริ่มอยู่ภายใต้การควบคุม เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อภายนอกประเทศจีนยังคงพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ


  1. ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะทะลุระดับ 100 หรือไม่

แม้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะย่อตัวลงเมื่อวันศุกร์เนื่องจากดัชนี PMI สหรัฐฯ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ออกมาอ่อนแอ แต่สัปดาห์ที่แล้วดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งขึ้นและเข้าใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเมื่อเทียบกับ เงินยูโร, ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนเมื่อเทียบกับ เงินเยน และระดับสูงสุดในรอบ 11 ปีเมื่อเทียบกับ ดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ แล้วในเดือนนี้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นมากว่า 2% แล้ว

เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยืนหยัดต่อกรกับเชื้อไวรัสโคโรนาได้ทำให้ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่ปลอดภัย อย่างน้อยก็สำหรับช่วงนี้

ภาพรวมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของฝั่งยูโรโซนและญี่ปุ่นถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกดดันค่าเงินยูโรและค่าเงินเยนต่อไป

และการเทขายค่าเงินเยนครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการซื้อขายที่เปลี่ยนไปจากปีก่อน ๆ ที่เงินเยนมักจะแข็งค่าขึ้นเมื่อมีปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาดทั่วโลก

  1. สมาชิกเฟดให้คำกล่าว, ข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

รองประธานเฟด นายริชาร์ด คลาริดา มีกำหนดการให้คำกล่าวในที่ประชุมเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน ณ กรุงวอชิงตันในวันพรุ่งนี้ ร่วมกับหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก IMF นาง Gita Gopinath และประธานเฟดประจำคลีฟแลนด์ นางลอเร็ตตา เมสเตอร์ ส่วนประธานเฟดจากมินนิอาโปลิส นายนีล คัชคารี และประธานเฟดจากดัลลัส นายโรเบิร์ต แคปแลน ก็มีกำหนดการให้คำกล่าวในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน

และในวันพรุ่งนี้จะมีการรายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ

ส่วน ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนสหรัฐฯ ที่จะรายงานออกมาในวันพฤหัสบดีนี้คาดว่าจะลดลงเนื่องจากกำลังการผลิตที่ชะลอตัวลงในภูมิภาคเอเชีย และน่าจะได้รับแรงกดดันจากการหยุดการผลิตเครื่องบินของ Boeing (NYSE:BA) รุ่น 737 Max เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นการประกาศตัวเลขครั้งที่สองของ GDP สหรัฐฯ ในไตรมาสที่สี่คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ มากนัก

  1. ข้อมูลทางเศรษฐกิจฝั่งยูโรโซน

รายงานจาก IFO ของเยอรมนีในวันนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดยุโรปสัปดาห์นี้ โดยผลคาดการณ์อย่างเป็นเอกฉันท์จาก Investing.com คาดว่า ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจ จะออกมาอยู่ที่ 95.3 จากเมื่อเดือนมกราคมที่ 95.9 ส่วนข้อมูลทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้คือตัวเลขบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อของ เยอรมนี และ ฝรั่งเศส ในวันศุกร์ซึ่งจะแสดงให้เห็นภาพรวมทางเศรษฐกิจล่วงหน้าก่อนการประชุมธนาคารกลางยุโรปประจำเดือนมีนาคม

ส่วนประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) นางคริสทีน ลาการ์ด มีกำหนดการคำกล่าวที่เยอรมนีในวันพุธ ส่วนสมาชิก ECB ท่านอื่น ๆ รวมทั้งหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ นายฟิลิป เลน ก็จะมีกำหนดการให้คำกล่าวในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน

  1. การรายงานผลประกอบการ

ตัวเลขคาดการณ์จาก Refinitiv คาดว่าผลประกอบการประจำไตรมาสที่สี่ของ S&P 500 จะขยายตัวขึ้น 3.1% ต่างจากผลคาดการณ์ที่คาดว่าเมื่อเทียบปีต่อปีแล้วจะหดตัวลง โดยเมื่อเดือนมกราคมนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัวลง 0.3%

ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาแต่อย่างใด และการเติบโตของผลประกอบการดูเหมือนว่าจะได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft (NASDAQ:MSFT) และ Apple (NASDAQ:AAPL)

ในสัปดาห์นี้จะมีบริษัทผู้จัดจำหน่ายสินค้าผู้บริโภคหลายรายที่มีกำหนดการรายงานผลประกอบการ ได้แก่ บริษัทการค้าปลีก Macy’s (NYSE:M) ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถูกลดการจัดอันดับลงไปสู่หุ้นที่มีผลงานย่ำแย่ที่สุดโดย S&P Global (NYSE:SPGI) นอกจากนี้ยังจะมีการรายงาน ผลประกอบการ ของ Marriott International (NASDAQ:MAR) ด้วย

--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย