🟢 ตอนนี้ตลาดกำลังทะยานขึ้น สมาชิกผู้ใช้บริการของเรากว่า 120K คน ต่างรู้ดีว่าควรทำอย่างไร คุณก็สามารถรู้ได้เช่นกันรับส่วนลด 40%

รอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

เผยแพร่ 13/02/2567 09:43

Bloomberg Consensus คาดการณ์GDP งวด 4Q66ของบ้านเรา ว่าจะติดลบ -0.2% QoQ และเติบโต 2.5% YoY (ประกาศ 19 ก.พ.67) โดยทั้งปี 2566 คาด เติบโต 2.1% YoY ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีกว่าที่กระทรวงการคลัง คาด สิ่งที่เราต้องจับตามองก็คือ หากงวด 4Q66 ติดลบ QoQ เป็นไตรมาสแรก และอาจติดลบ QoQ ต่อในงวด 1Q67 ก็อาจทำให้บ้านเราเข้าสู่นิยามของ Technical Recession และหากมองอีกมุมหนึ่งขนาด GDP บ้านเรายังวนเวียน อยู่ในบริเวณใกล้ก่อน Covid-19 ขณะที่ประเทศส่วนใหญ่สูงกว่าก่อน Covid-19 ไปมากแล้ว ด้วยสภาพแวดล้อมดังกล่าว ทำให้เราเชื่อว่าภาครัฐจำเป็นต้องมี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหญ่ออกมา จากปัจจุบันที่มีEasy E-Receipt และตามด้วย การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ,Digital Wallet รวมถึงการปรับ ลดดอกเบี้ยนโยบายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ในระยะสั้นคาดว่า SET Index ยังอยู่ในกรอบแคบ 1385 – 1397 จุด ส่วนในระยะ กลางหากมีกระแสของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วย ก็น่าจะให้SET Index ปรับ ขึ้นได้อีกครั้งหุ้น Top Pickเลือก AP, BEM และ PTTGC

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะ สงสัยต้องมีมาตรการช่วย

วันที่ 19 ก.พ. นี้ เวลา 9.30 น. รอติดตามการรายงานภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2566 โดย Consensus คาดว่า GDP Growth ไทยในปี 2566 จะโต +2.1%YoY (ประเมินสูงกว่าคลังคาดที่ +1.8%) โดยในไตรมาส 4 จะอยู่ที่ +2.5%YoY และ - 0.2%QoQ ซึ่งเศรษฐกิจไทยจะยืนเหนือช่วงก่อนโควิด-19 เพียงเล็กน้อย หรือ GDP Index อยู่ที่ 101.3 จุด นอกจากนี้การฟื้นตัวยังกลับมาได้ช้ากว่าหลายๆ ประเทศ อาทิ จีน สหรัฐฯ ยุโรป เป็นต้น

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลงในช่วงปลายปี 2567 อาจมีผลกระทบลามมาถึง 1Q67 เนื่องจากไตรมาสแรกเห็นจะมีแรงหนุนหลักเพียงโครงการ Easy E-Receipt (1 ม.ค. –15 ก.พ. 67) ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐฯ ยังติดปัญหาเบิกจ่ายล่าช้า ซึ่งคาดว่า อนุมัติได้ในเดือน พ.ค. 67 หลังจากนั้นจึงเริ่มโครงการ Digital Wallet ราวๆ เดือน มิ.ย. 67 ด้วยเหตุผลข้างต้นจึงต้องลุ้นว่า GDP Growth ใน 1Q67 จะติดลบต่อกัน 2 ไตรมาสหรือไม่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ GDP ในไตรมาส 4 มีสัดส่วนเฉลี่ยนราว 26% ซึ่ง มักสูงกว่าไตรมาส 1

ทั้งนี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่มีโอกาสซึม บวกกับดอกเบี้ยไม่ได้ปรับตัวลดลงใน 1Q67 อาจทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น กดดันรายได้บริษัทจดทะเบียนให้ลดลง และส่งผลให้ ตลาดหุ้นผันผวนในช่วงสั้นๆ ได้

การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่เสี่ยงชะลอตัวลง ทำให้คาดว่ารัฐบาลจะกระตุ้น เศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยเฉพาะในภาค Consumption เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้า ต่อไปได้ นอกจากนี้น่าจะหนุนให้การดำเนินนโยบายการเงินมีแนวโน้มผ่อนคลายลง ซึ่งจากสถิติพบว่า กรณีที่ กนง. มีการลงมติด้วยคะแนนเสียงไม่เป็นเอกฉันท์ ในการ ประชุมรอบถัดไปมักจะเห็นมติเปลี่ยนไปไปตามเสียงส่วนน้อยครั้งก่อนหน้า โดยใน กรณีนี้ก็พอคาดหวังได้ว่าการประชุมรอบ 10 เม.ย.67 ก็มีลุ้นที่จะเห็นการปรับลด ดอกเบี้ยนโยบายลง

สรุป ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลงในช่วงปลายปี 2566 และ อาจลากยาวมาถึงปีนี้ มีโอกาสเป็นแรงหนุนให้ กนง. ดำเนินโยบายการเงินผ่อนคลาย มากขึ้น อีกทั้งน่าจะหนุนให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังเพิ่มเติม

SHORT SELL จะถูกจับตาอย่างใกล้ชิด จากทางการ

Algorithmic Trading หรือที่เรียกว่าโปรแกรมเทรดอัตโนมัติ หรือโรบอทเทรด หรือ High-frequency trading (HFT) จากนักลงทุนต่างประเทศ ถูกมองว่าเป็นตัวการ สำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวน และ ทำให้มูลค่าซื้อขายตลาด ของนักลงทุนใน ประเทศที่เบาบางอย่างมีนัยฯ ตั้งแต่เดือน ก.ย.66 โดยสัดส่วนการซื้อขายผ่านระบบ ALGO TRADE ที่สูงขึ้นเป็น 35% ของการซื้อขายทั้งหมดในตลาดฯ (ซึ่งค่าเฉลี่ยก่อน หน้านี้อยู่ที่ระดับ 20%-30% เท่านั้น) และทำให้ต่างชาติมีสัดส่วนการซื้อขายหุ้นไทยสูง ถึง 50.8% สูงกว่านักลงทุนรายย่อย + พอร์ตโบรกเกอร์ + นักลงทุนสถาบันฯ ที่มี สัดส่วนรวมกันอยู่ที่ 49.2% เท่านั้น

ซึ่งล่าสุด ตลท. เตรียมเพิ่มกลไกควบคุม short selling-program trading เพื่อ ยกระดับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้มีความโปร่งใส และเสริมสร้างความเป็น ธรรมของผู้ลงทุนทุกประเภท เบื้องต้น ตลท.จะมีการดำเนินการใน 4 ด้าน ดังนี้

• การควบคุม (Control) : การเพิ่มกลไกการควบคุม program trading และลด ความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ทั้งในภาพรวมและในกรณี short selling อาทิ การกำหนดแนวทางในการติดตามการทำธุรกรรม short selling หรือ การมีกลไกควบคุมราคาเพื่อลดความผันผวนของราคาหลักทรัพย์

• การรายงาน (Reports) : การปรับปรุงรายงาน short selling เพื่อให้ทราบถึง รายละเอียดและการติดตามได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเปิดเผยต่อสาธารณชน

• การติดตามและการบังคับใช้กฎเกณฑ์ (Monitoring & Enforcement) : โดย การเน้นย้ำความคาดหวังต่อบริษัทสมาชิกในการดูแลให้ผู้ลงทุนปฏิบัติตาม เกณฑ์ รวมทั้งปรับบทลงโทษให้มีความเข้มข้น

• การแบ่งความรับผิดชอบ (Responsibility) : ซึ่งจะมีการนำเสนอกำหนด ขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานกำกับดูแลและตลาด หลักทรัพย์ฯ ในการดูแลการทำ short selling และ program trading ให้ สอดคล้องกับสากล เพื่อให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถลงโทษต่อผู้กระทำ ผิดได้โดยตรงและรวดเร็ว

กระบวนการแก้ไขปัญหาของตลท. ที่เกิดขึ้นคาดเป็นปัจจัยหนุนให้ความเชื่อมั่นของนัก ลงทุนทยอยกลับมาอีกครั้ง และหนุนให้มูลค่าซื้อขายกลับมาคึกคักขึ้น โดยฝ่ายวิจัยฯ เคยประเมินมูลค่าซื้อขายตลาดต้องเกิน 5 หมื่นล้านบาท หรือ TURNOVER สูงเกิน 70% ต่อปี จึงจะเพียงพอที่จะผลักดันให้ SET INDEX ปรับตัวขึ้น

สรุป ปัญหา Short SELLING-PROGRAM TRADING อาจได้รับการรับการแก้ไขที่ดี ขึ้นจาก ตลท. คาดเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้เป็นอย่างดี และหนุนให้ SET index แกว่งทรงตัวในขาขึ้นได้ในระยะถัดไป โดยคาดกรอบการเคลื่อนไหวไว้ที่ระดับ 1385 -1397 จุด

MSCI ปรับหุ้นไทยออก 5 หุ้น เข้าใหม่ 3 หุ้น

เช้านี้ MSCI มีการรายงานการปรับหุ้นเข้าออกดัชนีรอบ 1Q67 (มีผลบังคับใช้ในราคา ปิดในวันที่ 29 ก.พ. 67) โดยมีรายละเอียดดังนี้

ภาพรวมมีหุ้นไทยถูกคัดออก 5 บริษัท คือ BJC, OSP, BANPU ออกจาก MSCI Global Standard โดยปกติจะปรับตัวลงราว -4% หลังประกาศจนถึงวันบังคับใช้ และ SUPER, BEC ออกจาก MSCI Small Cap ปกติจะปรับตัวลงราว -3% หลังประกาศ จนถึงวันบังคับใช้ส่วนหุ้นที่ถูกคัดเข้าใหม่มี 3 หุ้น คือ GLOBAL, SKY, TISCO เข้า MSCI Small Cap ปกติจะปรับตัวขึ้นราว +2.8% หลังประกาศจนถึงวันบังคับใช้

เหตุผลหุ้นที่ถูกคัดออกส่วนใหญ่จะมีการย่อตัวลงก่อนในช่วงสั้นๆ เนื่องจากกองทุน ต่างประเทศบางส่วน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกองทุนประเภท Active Fund จะมีการทยอย ขายหุ้นเพื่อปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับดัชนี MSCI กดดันให้ย่อตัวในช่วงก่อนมีผล บังคับใช้อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าทางพื้นฐาน ดังนั้นหุ้นมักจะย่อตัวในช่วงเวลาที่กองทุนต่างประเทศปรับพอร์ตสั้นๆ มักจะทยอยฟื้น กลับมาที่เดิมหรือสูงกว่าเดิมในช่วง 1 –1.5 เดือนหลังประกาศเสมอ

กลยุทธ์ MSCI Play แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ถูกคัดเข้าในรอบนี้ อย่าง GLOBAL, SKY, TISCO ราว 1 – 2 สัปดาห์ ส่วนการลงทุนระยะกลางถึงยาวแนะนำทยอยสะสมหุ้น พื้นฐานที่หลุด MSCI อย่าง BJC, OSP ช่วงที่ย่อตัวลงมาจาก Fund Flow ไหลออก ช่วงสั้นๆ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับปัจจัยทางพื้นฐาน

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย