รับส่วนลด 40%
🔥 กลยุทธ์การหุ้นคัดเลือกโดย AI ของเรา หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่ ทะยานขึ้น +7.1% ในเดือน พฤษภาคม เข้าเทรดขณะหุ้นกำลังมาแรงรับส่วนลด 40%

3 ปัจจัยที่จะกำหนดอุปสงค์น้ำมันโลกช่วงครึ่งหลังของปี 2019

เผยแพร่ 27/06/2562 16:01
CL
-

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2019 การเคลื่อนไหวของราคา น้ำมัน ในตลาด รวมทั้งความกังวลของนักลงทุนล้วนมีปัจจัยหลักมาจากการใช้มาตรการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นในอ่าวเปอร์เซีย รวมทั้งตัวชี้วัดต่างๆ ที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจโลกกำลังเกิดการชะลอตัว

Crude Oil Futures Weekly Chart

ในช่วงครึ่งหลังของปี 2019 มีปัจจัยหลัก 3 ประการที่นักลงทุนในตลาดน้ำมันควรต้องจับตามองดังนี้

1. การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

ปัจจัยนี้ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการผลักดันการเคลื่อนไหวของราคา ความรู้สึก รวมทั้งการคาดการณ์เกี่ยวกับสภาวะตลาดน้ำมันได้มากที่สุดในปัจจุบัน หากมีข้อมูลใดที่แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลงเมื่อใด ก็จะส่งผลกระทบกับทิศทางของราคาน้ำมันทันที การที่ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสีจะพบกันภายหลังการประชุม G20 ที่กำลังจะจัดขึ้นช่วงปลายสัปดาห์นี้นั้น นักลงทุนไม่ควรคาดหวังว่าจะมีการบรรลุข้อตกลงใดๆ จากการพบปะกันในครั้งนี้ แต่ท่าทีและผลจากการประชุมต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่จะชี้ให้เห็นถึงการคาดการณ์เกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลก รวมทั้งภาพรวมของตลาดน้ำมันในขณะนี้ได้ ทุกฝ่ายยังมีความคาดหวังที่จะให้มีการเจรจากันระหว่างทั้งสองประเทศต่อไปและขอให้มีสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับการยกเลิกการเรียกเก็บภาษีในปัจจุบัน หรืออย่างน้อยก็ระงับการปรับเพิ่มภาษีเอาไว้ก่อน และหากจีนกับสหรัฐฯ สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากันได้จริง ราคาน้ำมันก็จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะจะถือว่าเป็นข่าวดีกับเศรษฐกิจทั่วโลกและยังเป็นผลดีทางด้านความต้องการน้ำมันอีกด้วย

2. การผลิตและส่งออกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ

องกรค์ข้อมูลด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผย ข้อมูลออกมาเมื่อวานนี้ว่า อุตสาหกรรมน้ำมันในสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำมัน ปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ สูงมากและหากมีการสำรองไว้มากขึ้นก็จะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงได้ อย่างไรก็ตามสหรัฐฯ ก็เริ่มที่จะมีการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมน้ำมันอย่างเช่น ท่อส่ง ซึ่งจะเปิดใช้งานได้ในช่วงฤดูร้อนนี้ เพื่อให้การขนถ่ายน้ำมันจากบ่อเจาะไปยังโรงกลั่น รวมถึงการส่งออกเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การสำรองน้ำมันที่มากเกินไปและปัญหาคอขวดจึงไม่น่าที่จะเกิดขึ้น จากรายงานของ EIA เมื่อวานนี้ แสดงสถิติตัวเลข ปริมาณน้ำมันดิบจำนวน 3.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นข่าวดีกับราคาน้ำมัน และยังมี การแถลงซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีอย่างมาก จากนายมนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะสามารถกลับมาเปิดการเจรจาทางการค้ากับจีนอีกครั้งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้

แต่ในรายงานของ EIA ยังมีข้อมูลอีกตัวหนึ่งที่ดูไม่ดีนัก นั่นคือกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันยังมี ค่อนข้าง น้อยหากเทียบกับในช่วงก่อนหน้านี้ ปัจจัยนี้จึงเป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งที่นักลงทุนควรจับตามองในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2019 การที่โรงกลั่นน้ำมันของสหรัฐฯ ไม่เดินเครื่องผลิตเต็มกำลัง ตีความได้สองอย่างคือ โรงกลั่นคาดการณ์ไว้ว่าจะมีปริมาณความต้องการใช้น้ำมันน้อยลง หรืออีกกรณีหนึ่งก็คือ น้ำมันดิบที่โรงกลั่นรับมาเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบหลักมีราคาที่แพงเกินไปจนทำให้ไม่สามารถผลิตน้ำมันออกมาได้เพียงพอต่อความต้องการ

จากเหตุการณ์ไฟไหม้โรงกลั่นน้ำมันในฟิลาเดลเฟียจนทำให้มีการตัดสินใจ ปิดกิจการ ลงนั้นก่อให้เกิดปัญหาทางด้านความต้องการในสหรัฐฯ เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันที่เคยกลั่นน้ำมันดิบได้มากถึง 335,000 บาร์เรลต่อวันจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ดังนั้นน้ำมันในปริมาณดังกล่าวจะต้องถูกส่งออก นำไปเก็บสำรอง หรือส่งไปกลั่นที่โรงกลั่นอื่นๆ ปัญหาถัดมาก็คือ โรงกลั่นอื่นๆ จะสามารถเพิ่มการผลิตเพื่อชดเชยความต้องการน้ำมันที่ขาดหายไปนี้ได้มากเพียงใด การประกาศปิดโรงกลั่นในครั้งนี้เกิดขึ้นในวันอังคาร ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่มีข่าวดีเกี่ยวกับราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (ตัวเลขจากรายงานของ EIA และสื่อของจีน) ดังนั้นไม่มีผลกระทบเกิดขึ้นกับราคาน้ำมันในช่วงนี้แต่อย่างใด แต่ราคาก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ หากมีการเผยแพร่ข้อมูลทางด้านอุปสงค์และอุปทานครั้งถัดไปออกมา

3. โอเปคและกลุ่มประเทศพันธมิตร

การประชุมของโอเปคที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 1 และ 2 กรกฎาคมนี้นั้นน่าจะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางของนโยบายการผลิตน้ำมันจากกลุ่มประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ของโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2019 ได้ มาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯ ใช้กับเวเนซุเอลาและอิหร่านทำให้โอเปคต้องปรับลดการผลิตน้ำมันโดยรวมให้ลดลงอีก ค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับการปรับลดในอัตราเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับประเทศผู้ผลิตหลักสองประเทศของโอเปค นั่นก็คือซาอุดิอาราเบียและอิรักนั่นเอง

ปัจจุบันซาอุดิอาราเบียยังคงผลิตน้ำมันที่อัตราต่ำกว่าโควต้าที่กำหนดไว้ แต่อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทอรามโกซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำมันของซาอุดิอาราเบียได้ลงนามในข้อตกลงในการส่งออกน้ำมันดิบไปยัง โรงกลั่นน้ำมันในเกาหลีใต้ และตั้งใจที่จะขยาย ธุรกิจ ไปยังอินเดียอีกด้วย หากซาอุดิอาราเบียสามารถเพิ่มกำลังการผลิตและส่งออกให้มากพอกับที่ลูกค้าต้องการได้ ราคาน้ำมันก็อาจปรับลดลง แต่เมื่อช่วงฤดูร้อนสิ้นสุดลง ปริมาณการใช้น้ำมันในประเทศของซาอุดิอาราเบียก็จะลดลงอย่างมากจนทำให้มีน้ำมันเหลือเพียงพอต่อการส่งออกได้

ส่วนในฝั่งของอิรักนั้นยังคงผลิตน้ำมันได้สูงกว่าโควต้าที่กำหนด และยังคงต้องการเพิ่มปริมาณการผลิตขึ้นอีก แม้ว่าโอเปคจะมีมติให้คงปริมาณการผลิตน้ำมันไว้ตามที่กำหนดในข้อตกลงเดิมก็ตาม นักลงทุนจึงควรจับตามองปริมาณการผลิตน้ำมันจากอิรักไว้ให้ดี เนื่องจากอิรักน่าจะต้องการผลิตและส่งออกน้ำมันให้มากขึ้นเมื่อโอกาสอำนวย ส่วนซาอุดิอาราเบียนั้น หากมีโอกาสในการทำกำไรได้ดีกว่า ก็สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตได้ทันทีเช่นกัน

ส่วนทางฝั่งประเทศพันธมิตรของกลุ่มโอเปคอย่างรัสเซียก็ดูเหมือนที่จะต้องการขยายระยะเวลาของข้อตกลงเดิมออกไปอีก เนื่องจากรัสเซียได้ถูกบังคับให้ลดปริมาณการผลิตลงอันเนื่องมาจากการปนเปื้อนในท่อส่งน้ำมันสายหลักที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ปัญหาการปนเปื้อนดังกล่าวควรจะได้รับการแก้ไขแล้วเสร็จภายในเวลาหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังแก้ปัญหาได้ไม่หมด เมื่อแก้ไขปัญหาทุกอย่างเรียบร้อย รัสเซียย่อมต้องการเพิ่มปริมาณการผลิตแม้ว่าจะเป็นการฝ่าฝืนข้อตกลงของกลุ่มประเทศพันธมิตรของโอเปคก็ตาม ปกติแล้วรัสเซียมักจะไม่ค่อยอายที่จะไม่ทำตามข้อตกลงที่เคยทำไว้ อย่างในช่วงก่อนที่จะเกิดเหตุปัญหาการปนเปื้อนในท่อส่งน้ำมัน รัสเซียก็วางแผนที่จะผลิตน้ำมันในช่วงนี้เกินกว่าที่กำหนดในข้อตกลงอยู่ดี และหากรัสเซียสามารถผลิตน้ำมันได้มากขึ้นจริงก็อาจทำให้ราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวลดลงได้เช่นกัน

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย